นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า นายอักษร แสนใหม่ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง เพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจ นำเที่ยว 874 ราย ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 โดยแยกประเด็นความผิดได้เป็น 4 กลุ่มประเด็นหลัก ดังนี้
กลุ่มที่ 1 คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว จำนวน 18 ราย เนื่องจากขาดคุณสมบัติของผู้ยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว ในเรื่อง การถือสัญชาติไทย หรือ ผู้ถือหุ้นของนิติบุคคล ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย ทุนของบริษัทไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบต้องเป็นของบุคคลธรรมดาซึ่งมีสัญชาติไทย และกรรมการของบริษัทเกินกึ่งหนึ่งต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย เป็นต้น
กลุ่มที่ 2 คำสั่งเพิกถอนประกอบธุรกิจนำเที่ยว จำนวน 35 ราย เนื่องจาก ขาดคุณสมบัติกรณี ที่บริษัทเคยถูกคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวมาแล้ว แต่ถูกนายทะเบียนมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ภายในระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้มีคำสั่งพักใช้ครั้งแรก
กลุ่มที่ 3 คำสั่งเพิกถอนประกอบธุรกิจนำเที่ยว จำนวน 6 ราย เนื่องจาก ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีการประพฤติหรือปฏิบัติการอันเป็นการฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัติ หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่นักท่องเที่ยวหรือธุรกิจนำเที่ยวอย่างร้ายแรง โดยนายทะเบียนได้ตักเตือนและสั่งระงับหรือให้แก้ไขแล้ว แต่ไม่ดำเนินการความผิด ทั้ง 3 กลุ่มนี้ ส่งผลให้ผู้ที่ขาดคุณสมบัติ ไม่สามารถประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้อีก เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งเพิกถอน
กลุ่มที่ 4 คำสั่งเพิกถอนประกอบธุรกิจนำเที่ยว จำนวน 815 ราย เนื่องจาก ขาดคุณสมบัติเพราะการไม่ชำระค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจนำเที่ยว จนพ้นกำหนดระยะเวลาหกเดือน นับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวแล้ว ความผิดกรณีนี้ ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว สามารถมายื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้ใหม่ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 ที่กรมการท่องเที่ยวและสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขา
“ดังนั้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักท่องเที่ยว ก่อนการเลือกใช้บริการนำเที่ยวจากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ให้ตรวจสอบว่าท่านได้เลือกใช้บริการจากบริษัทนำเที่ยวที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยว ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบบริษัทนำเที่ยวที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายได้ด้วยตนเอง ที่ www.tourism.go.th หรือ Call Center 0 2401 1111” ปลัดฯ พงษ์ภาณุ กล่าวย้ำ
ข่าวเด่น