ในที่สุดรัฐบาลก็ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ทำให้ประเทศไทยเดินหน้านับหนึ่ง เข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าจะทำให้ความเชื่อมั่นในประเทศไทยมีมาก และส่งผลดีต่อการลงทุนมีจะเพิ่มขึ้น
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม บอกถึงการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า จะส่งผลดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น เพราะสะท้อนว่า รัฐบาลสามารถเดินหน้าได้ตามแนวทางที่วางไว้ น่าจะมีผลทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาในไทยมากขึ้น ทั้งดัชนีอุตสาหกรรมที่ชี้ให้เห็นถึงความมั่นใจมากขึ้น แม้แต่การวิจัยขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) สอบถามความเห็นนักลงทุนญี่ปุ่น ให้มองไทยไป 6 เดือนข้างหน้า ให้ความสนใจว่าเชื่อมั่นในไทยมากขึ้น เป็นผลบวกของการวิจัยครั้งแรกในรอบ 2 ปี
นอกจากนี้ จากการหารือกับหอการค้าสหรัฐในไทยเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ให้ความสนใจลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น บริษัทสหรัฐลงทุนในไทยกว่า 700 บริษัท ต้องการมีส่วนร่วมในอีอีซี มีการถามถึงเกณฑ์ในการลงทุนบางบริษัทรายงานให้ฟังว่าจะเข้ามาลงทุนในไทย เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องมือคอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมเคมี นอกจากนี้ นักลงทุนจีนยังสนใจเข้ามาลงทุนในไทย โดยขณะนี้ อาลีบาบา โดยเว็บลาซาด้าเตรียมพร้อมลงทุนอี-คอมเมิรซ์ พาร์คในอีอีซี โดยจะหารือร่วมกันอีกช่วงปลายเดือนเมษายนนี้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เชื่อว่าแนวโน้มการเชื่อมั่นจะดีขึ้นอีก หลังมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นในประเทศและต่างประเทศ เพราะได้เห็นความชัดเจนต่อการเดินหน้าของการเมืองไทย และการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตภายใน 1-2 ปี หรือภายในปี 2560 มีผลต่อการกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้น ตราสารหนี้ และโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาล ประกอบกับรัฐเตรียมอัดเงินผ่านโครงการลงทุนอีก 5 แสนล้านบาทตั้งแต่กลางปีนี้ การท่องเที่ยวยังดีต่อเนื่อง การการส่งออกขยายตัวได้ 2-3% เงินเฟ้อสูงแค่ 1.6-2.1% ค่าเงินบาทเฉลี่ย 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบโลก 50-55 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ไม่ได้กดดันจีน หรือ 16 ประเทศที่เกินดุลกับสหรัฐฯ รวมถึงไทย โดยการออกมาตรการกีดกันทางการค้าที่รุนแรง ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้ 3.6% และอาจถึง 4%ได้ หากเศรษฐกิจโลกฟื้นรวดเร็ว แต่เชื่อว่าโอกาสยังน้อย
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก มีปัจจัยสนับสนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นไทยที่จะเพิ่มมากขึ้น ขณะรัฐบาลเริ่มมีความชัดเจนในเรื่องการเดินหน้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง หลังจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะประกาศใช้ ประกอบกับการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ สำหรับการลงทุนขนาดใหญ่จะออกมามากขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุนมากขึ้น ด้านการส่งออกยังมีแนวโน้มที่ค่อยๆ ทยอยปรับตัวดีขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างดี
ข่าวเด่น