นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนใต้ ทั้งด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้จากการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น กระทรวงพาณิชย์พร้อมผลักดันสินค้าและบริการฮาลาลของไทยสู่ตลาดในกลุ่มประเทศมุสลิมและตลาดโลก
โดยที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตสินค้าฮาลาลและผลิตภัณฑ์ฮาลาลที่สำคัญเพื่อการส่งออกรายใหญ่ของโลก มีตลาดส่งออกทั้งในประเทศกลุ่มมุสลิม ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ประเทศแถบตะวันออกกลาง และประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม แต่เป็นตลาดใหญ่สำหรับอาหารฮาลาล เช่น อินเดีย จีน สหภาพยุโรป เป็นต้น ซึ่งรวมกันแล้วทั่วโลกมีประชากรมุสลิมกว่า 2,000 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 25 ของประชากรโลกและประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารมุสลิมเป็นอันดับที่ 10 ของโลก มีมูลค่าการส่งออกกว่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี และมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี
กระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงศักยภาพของจังหวัดภาคใต้ชายแดนในการผลิตสินค้าและบริการฮาลาล เนื่องจากมีชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นแหล่งวัตถุดิบในการผลิตมีกลุ่มผู้ประกอบการที่มีความสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีความรู้ความเข้าใจในการรวบรวมวัตถุดิบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการผลิตสินค้าฮาลาลจึงได้ผลักดัน“โครงการสินค้าฮาลาลของดีแดนใต้สู่ตลาดโลก” โดยกำหนดให้มีการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในการบริหารจัดการและวางแผนธุรกิจฮาลาลและหาลู่ทางขยายตลาดสินค้าและบริการฮาลาลให้กับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดภาคใต้ชายแดน 5 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นเจ้าภาพหลัก และประสานงานกับสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ (New Economy Academy : NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเพื่อเร่งสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้าสู่ระบบการค้าในยุคดิจิทัล โดยจะเริ่มโครงการในเดือน ตุลาคม 2560 นี้
“โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการที่กระทรวงพาณิชย์จัดทำขึ้นในจังหวัดภาคใต้ชายแดนครั้งนี้ จะทำให้ประกอบการผลิตภัณฑ์ฮาลาล รวมทั้งสินค้าบริการอื่นๆ กว่า 200 ราย สามารถนำความรู้ด้านการบริหารจัดการคุณภาพสินค้าและการตลาดไปพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการ ให้ได้รับเครื่องหมายฮาลาลและเครื่องหมายการค้าได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30 ราย มีการเชื่อมโยงกับตลาดเครือข่าย สามารถขยายช่องทางการตลาดผ่านระบบดิจิทัล เชื่อมโยงสู่สากล ส่งผลให้ผู้ประกอบการดังกล่าวมีรายได้เพิ่มขึ้นสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน” นางอภิรดี กล่าว
ข่าวเด่น