นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร และหัวหน้าสายงานการเงินและบริหารเงินลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้มีเงินทุนต่างชาติ ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่วันที่ 16-31 มี.ค. เป็นมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ วันที่ 1-14 มี.ค. มียอดการขายสุทธิอยู่ 12,000 ล้านบาท
ดังนั้นผลดังกล่าวจึงทำให้ ณ สิ้นไตรมาส1/2560 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยอยู่ที่ 6,371 ล้านบาท ถือเป็นทิศทางเชิงบวก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความไม่ชัดเจนนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ที่กดดันการลงทุนในสหรัฐฯ ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆยังไม่มีปัจจัยบวกสำคัญ
ขณะที่ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศระหว่างสหรัฐและซีเรียที่ ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจหรือไม่ แต่ความเห็นส่วนตัวอยากให้เน้นติดตามสิ่งสำคัญเรื่องนโยบายการค้าโลก ด้านการส่งออก และการบริโภคจะมีผลอย่างไรมากกว่า
ส่วนปัจจัยในประเทศไทยภายหลังจากการมีรัฐธรรมนูญใหม่ ทำให้แนวทางการไปสู่การเลือกตั้งมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยเชื่อว่าการซื้อขายของต่างชาติมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นไปถึง 30% จากปัจจุบัน 28% ของมูลค่าการซื้อขายรวม อีกทั้งการถือครองของนักลงทุนต่างชาติมักเป็นระยะยาวมากกว่านักลงทุนกลุ่มอื่น
ด้านพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยในปัจจุบัน ถือว่ามีความแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิรวมโตเฉลี่ยปีละ 10% ในขณะที่จีดีพีไทยโตได้เพียงเฉลี่ย 3% สะท้อนว่าการเติบโตส่วนใหญ่มาจากการขยายธุรกิจในต่างประเทศมากพอสมควร
ข่าวเด่น