นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ได้จัดโครงการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ สำหรับวิสาหกิจชุมชนและ SME รายย่อย โดยเริ่มต้นที่ จ.สระบุรี แล้วจะขยายไปทั่วประเทศ สสว. ได้มอบคูปองตรวจสอบสารปนเปื้อน คุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ประเภทผลผลิตทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป เครื่องดื่มและเครื่องสำอาง จำนวน 100 ใบ มูลค่าละ 5,000 บาท มูลค่ารวม 500,000 บาท ให้แก่ผู้ประกอบการนำสินค้ามาตรวจวิเคราะห์กับบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “เซ็นทรัล แล็บ” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งงานนี้ได้รับเกียรติจากนายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการ จ.สระบุรี และประธานเครือข่ายโอทอป จ.สระบุรี ในฐานะตัวแทนแจกจ่ายคูปองมารับมอบ ณ ศูนย์โอทอป คอมเพล็กซ์ พุแค จ.สระบุรี
โครงการนี้จะช่วยยกระดับศูนย์โอทอป พุแค ซึ่ง สสว. และกรมพัฒนาชุมชนมอบหมายให้เป็นแม่ข่ายกระจายสินค้า (area management) ให้กับร้านประชารัฐสุขใจ SHOP กลุ่มภาคกลาง ครอบคลุม 6 จังหวัด สระบุรี ลพบุรี อยุธยา อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี รวม 14 สาขา จากจำนวนร้านประชารัฐฯ ทั้งหมด 148 ร้าน ซึ่งเปิดตามปั้มน้ำมัน ปตท. ทั่วประเทศ
ผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า สสว. พยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนและ SME รายย่อยให้ตรงกับความต้องการของตลาด โดย สสว. ได้ทำโครงการสำรวจตลาด (Market Survey) ของผู้บริโภคในเมืองที่มีต่อสินค้า SME ประเภทอาหาร พบว่า ปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุด 3 ประการ ได้แก่ รสชาติของอาหาร สินค้าสะอาดถูกอนามัยและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ มีบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดความสนใจ มีข้อมูลโภชนาการครบถ้วน ดังนั้น สสว. จะส่งเสริมสินค้าของวิสาหกิจชุมชนโดยทำเป็น 2 ขั้นตอน คือ ยกระดับมาตรฐานด้านสุขภาพอนามัยก่อนแล้วจึงปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ ทั้งนี้ เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังช่องทาง Modern Trade และเข้าสู่ Online Marketing ต่อไป
“หากสินค้าในชุมชนมีคุณภาพที่ดี ราคาเหมาะสม และยิ่งได้รับมาตรฐานสากลก็จะถูกใจผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง สสว. ตั้งใจว่าจะดำเนินโครงการยกระดับมาตรฐานสินค้าชุมชนในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะกระจายหลายพื้นที่และสินค้าหลากหลายมากขึ้น”
ด้านนายสุรชัย กำพลานนท์วัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัล แล็บ กล่าวว่า สสว. และกระทรวงการคลัง ถือหุ้นในเซ็นทรัล แล็บ สัดส่วน 51% และ 49% ตามลำดับ นับเป็นแล็บของรัฐบาลทั้ง 100% ที่ได้รับมาตรฐานสากลและดำเนินการมา 13 ปี ซึ่งในปีก่อนได้ช่วยผู้ส่งออกไทยตรวจสอบสินค้ากลุ่มอาหาร จำนวน 200,000 รายการ และในปี 2560 ตั้งเป้าหมายจะเป็นแล็บมาตรฐานสากลมาช่วยเหลือประชาชนฐานรากต่อไป
ข่าวเด่น