หลังจากหายจากตลาดไปประมาณ 2 ปี วันนี้ “แป้งเย็นตรางู”พร้อมแล้วที่จะออกมาประกาศท้าชิงผู้นำตลาด อย่าง “แป้งโพรเทคส์” หลังจากสุ่มไปพัฒนาสินค้าสูตรใหม่มานานถึง 2 ปี เพื่อให้สินค้าใหม่ที่เปิดตัวเข้ามาทำตลาด ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
แม้ว่าตลาดแป้งเย็นในปีนี้จะไม่รุนแรงเหมือนกับปีที่ผ่านๆมา เนื่องจากไม่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาด แต่จากการที่ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อน แป้งเย็นจึงถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก โดยในปีที่ผ่านมามีการขยายอยู่ที่ประมาณ 2-4% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้ แป้งเย็นตรางู จึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาตีตื้นผู้นำตลาด ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด
นายอนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และจัดจำหน่าย แป้งเย็นตรางู กล่าวว่า จากการที่กลุ่มสินค้าแป้งเย็นมีหน้าขายอยู่ในช่วงหน้าร้อน ดังนั้นหน้าร้อนปีนี้บริษัทจึงได้เปิดตัวแป้งเย็นตรางู “ไวลด์ ทานาคา" ด้วยสูตรผสมจากสมุนไพรทานาคา ที่มีสรรพคุณช่วยปรับผิวให้ขาว เนียนใส ควบคุมความมัน พร้อมปกป้องผิวจากรังสียูวี และระงับกลิ่นกายเข้ามาทำตลาด หลังจากใช้เวลามาระยะหนึ่งในการพัฒนาสินค้าดังกล่าว
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ แป้งเย็นตรางู ตัดสินในเลือกทานาคามาเป็นสูตรในการพัฒนาสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด เพราะส่วนผสมดังกล่าวมาจากธรรมชาติแท้ๆ จึงทำให้สินค้าดังกล่าวไม่มีสารเคมี ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยต้องการ เนื่องจากปัจจุบันสินค้าที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดจะเจือปนสารเคมี และเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด แป้งเย็นตรางูจึงเล็งเห็นโอกาสดังกล่าว
นายอนุรุธ กล่าวต่อว่า แป้งเย็นตรางู “ไวลด์ ทานาคา” เป็นแป้งเย็นสูตรแรกที่ใช้บำรุงผิวหน้าได้ ซึ่งระดับความเย็นของ “ไวลด์ ทานาคา” เป็นความเย็นในระดับที่เย็นสบายผิว และเนื้อแป้งที่มีความพิเศษเป็นสีส้มเหลืองนวล เหมาะกับสีผิวของคนไทย ทาแล้วไม่วอกขาวเหมือนแป้งทั่วๆ ไป พร้อมกลิ่นซิตรัส ที่มาจากผลไม้รสเปรี้ยวหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นส้มยูซุ ส้มเกรปฟรุ้ต เลมอน ไลม์ ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของ แป้งเย็นตรางู “ไวลด์ ทานาคา” จะเป็นกลุ่มชาย-หญิงที่ต้องการให้ผิวหน้าและผิวกาย ‘ขาว เนียนใส ไร้สิว’ และเพื่อให้สินค้าใหม่เป็นที่รู้จัก แป้งเย็นตรางู จึงได้มีการวางกลยุทธ์การทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้การทำกิจกรรมการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างทั่วถึง โดยในส่วนของกลยุทธ์การทำตลาดในครั้งนี้ แป้งเย็นตรางูได้แบ่งสัดส่วนเป็นออนไลน์ 80% และออฟไลน์ 20% เพราะผู้บริโภคมีพฤติกรรมให้ความสำคัญกับสื่อในช่องทางออนไลน์มากขึ้น
ดังนั้น แป้งเย็นตรางู จึงได้มีการผลิตภาพยนตร์โฆษณามาออกอากาศทั้งในช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ โดยในส่วนของช่องทางออนไลน์จะทำกิจกรรมการตลาดผ่าน facebook, youtube และ instagram รวมไปถึงแคมเปญออนไลน์ที่ชักชวนให้คนมา #ทาหน้าค่า กัน (ทาหน้าค่า มาจาก ทานาคา)
ส่วนสื่อออฟไลน์ ก็จะเป็นสื่อ out of home อย่าง interactive digital billboard ทั่วประเทศ เพื่อสร้าง awareness ในวงกว้างสำหรับคนที่อยู่นอกบ้าน หรือกำลังรถติดบนท้องถนน รวมถึงการแจกสินค้าตัวอย่างทดลองกว่า 500,000 ชิ้น และของพรีเมียมที่เป็นลวดลายพิเศษเฉพาะของแป้งเย็นตรางู “ไวลด์ ทานาคา” ให้ได้เก็บสะสม
ด้าน น.ส.เพิ่มหญิง ว่องวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกจากกลยุทธ์การทำตลาดทั้งในส่วนของออนไลน์และออฟไลน์ในการทำตลาดแป้งเย็นตรางูแล้ว บริษัทยังได้มีการใช้กลยุทธ์ “รักษาความดี เหมือนเกลือรักษาความเค็ม” ในการทำตลาด เพราะเชื่อว่าแม้สภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ผู้บริโภคอาจจะตัดสินใจซื้อสินค้าที่ราคาเป็นหลัก แต่ก็ยังต้องการสินค้าที่มีคุณภาพด้วย
ด้วยเหตุนี้ การทำตลาดของแป้งเย็นตรางู จึงไม่เพียงรักษาคุณภาพของสินค้าไว้ แต่ได้ทำการปรับปรุงคุณภาพให้ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างถ้าคนที่ใช้แป้งเย็นตรางูอยู่แล้ว จะสัมผัสได้เลยว่า สินค้าของแป้งเย็นตรางูรักษาคุณภาพในเรื่องความเย็น และการช่วยลดผดผื่นคัน ทำให้เย็นสบายตัวไม่คันผิว เหมือนจุดเริ่มต้นของเราที่เกิดมาจากความต้องการช่วยบรรเทาอาการไม่สบายผิวอันเกิดจากอากาศร้อนให้กับชาวต่างชาติที่เข้ามาเมืองไทย แล้วไม่เคยชินกับสภาพอากาศร้อนของบ้านเรา เลยเกิดอาการคัน เป็นตุ่ม เป็นผดตามผิวหนัง ซึ่งอาการนี้เรียกว่า ปริกลี่ฮีท (Prickly Heat) บางคนเลยเรียกแป้งตรางูว่า แป้งปริกลี่ฮีท
น.ส.เพิ่มหญิง กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน แป้งเย็นจึงขายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งเหตุผลดังกล่าวทำให้ตลาดแป้งเย็นมีอัตราการเติบโตทุกปี โดยแต่ละปีมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2-4% ต่อปี แต่ในส่วนของแป้งเย็นตรางู มีอัตราการเติบโตมากกว่า 10% ซึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ คือ การออกสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด และในครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะผู้บริโภคต้องการความหลากหลายในแง่ของกลิ่นและสรรพคุณ
นอกจากจะเปิดตัวแป้งเย็นสูตรใหม่เข้ามาทำตลาดแล้ว ล่าสุด แป้งเย็นตรางู ยังได้มีการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ในกลุ่มของทิชชูเย็นเข้ามาทำตลาด ด้วยการชูจุดเด่นในการเช็ดแล้วเย็นทันที และเย็นนานถึง 30 นาที (ขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล) ซึ่งเหมาะมากกับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ได้ทุกโอกาส โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ชอบการปั่นจักรยาน วิ่งมาราธอน การออกกำลังกาย ซึ่งความเย็นที่ได้ เป็นความเย็นจากเมนทอลธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จึงเย็นได้นาน และไม่แสบผิว หรือใครจะไว้เช็ดทำความสะอาดทั่วไป ก็ใช้ได้ เพราะช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียได้ด้วย
ปัจจุบัน ตลาดแป้งเย็นมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยในส่วนของแป้งเย็นตรางู มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 25% ซึ่งหลังจากออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาด แป้งเย็นตรางู คาดว่าในปี 2560 นี้จะมีสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 30 % เนื่องจากตลอดทั้งปีจะมีการใช้งบ 200 ล้านบาท ในการทำตลาดตลอดทั้งปี และจากการออกแป้งเย็นตรางู “ไวลด์ ทานาคา” เข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ คาดว่าปีแรกจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท อย่างแน่นอน
การที่แป้งเย็นตรางู ออกมาเปิดเกมรุกในครั้งนี้ จะทำให้สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดของโพรเทคส์ ซึ่งเป็นผู้นำตลาดอยู่ในปัจจุบันได้หรือไม่นั้น คงต้องรอผลสูตรใหม่ "ทานาคา" ว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้ได้มากแค่ไหน
ข่าวเด่น