กลับมาคึกคักอีกครั้งสำหรับตลาดน้ำอัดลมสี หรือ "ตลาดน้ำสี" หลังจากเติบโตทรงตัวต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปีนี้ก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดเริ่มออกมาฟาดฟันยอดขาย ด้วยการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นในด้านของรสชาติ หรือบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักของตลาดน้ำสีส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบความแปลกใหม่ ดังนั้นสินค้าใหม่ที่พัฒนาเข้ามาทำตลาด จึงค่อนข้างมีความแปลกใหม่ไปจากเดิม
สำหรับภาพรวมตลาดน้ำสีในปี 2559 ที่ผ่านมา มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท เติบโตเป็นตัวเลข 1 หลักต้นๆ เนื่องจากปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะหันไปให้ความสำคัญกับการทำตลาดน้ำดำ หรือโคล่าเป็นหลัก ประกอบกับปีที่ผ่านมามีปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ค่อนข้างชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคในตลาดต่างจังหวัด จึงทำให้ตลาดน้ำสีในปีที่ผ่านมาค่อนข้างจะทรงตัว
อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มที่ดีขึ้นของตลาดน้ำสีในปีนี้ ซึ่งเห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการในตลาดออกมาเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่ และบรรจุภัณฑ์ใหม่เข้าทำตลาด ทำให้คาดการณ์กันว่าภาพรวมตลาดน้ำสีในปีนี้น่าจะกลับมาเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักได้อย่างแน่นอน โดยมีผู้นำตลาดอย่างน้ำอัดลมแฟนต้าเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาด
ล่าสุด บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ของน้ำอัดลมแฟนต้าเข้ามาทำตลาด ภายใต้ชื่อ "แฟนต้า ทวิสต์" ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการคิดค้นบรรจุภัณฑ์ใหม่เข้ามาทำตลาดจากความอร่อยซ่าของแฟนต้าที่ต้องบิดขวดดื่มจนหยดสุดท้าย จนพัฒนามาเป็นแฟนต้าใหม่ที่มีรูปทรงขวดบิดเป็นเกลียว ‘Twist’ พลิกโฉมจากขวดธรรมดาให้มีลูกเล่นมากขึ้นอย่างที่ไม่มีใครทำมาก่อน เพื่อนำเสนอความแปลกใหม่ที่แฝงไปด้วยความโดดเด่น และรสชาติที่อร่อยของแฟนต้า
ทั้งนี้ การเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่เข้ามาทำตลาดดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัท โคคา-โคล่า(ประเทศไทย) ที่ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ทางการตลาด เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกันยังถือเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมกลิ่นผลไม้ที่ครองใจคนไทยได้อย่างยาวนาน
น.ส.คลาวเดีย นาวาร์โร ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่นหนุ่มสาว ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ชอบความท้าทาย ชอบลองอะไรใหม่ๆ และไม่ซ้ำใคร บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์แฟนต้าให้เพิ่มความสนุกยิ่งขึ้นและตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โดยทีมแฟนต้าประเทศไทยมีโอกาสได้มีส่วนร่วมในการออกแบบช่องทางการสื่อสารและส่งเสริมให้วัยรุ่นมาครีเอทขวดแฟนต้าทวิสต์ในครั้งนี้
นอกจากนี้ บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) ยังได้มีการใช้งบอีกกว่า 200 ล้านบาท สำหรับการทำตลาดและแนะนำแฟนต้า ทวิสต์ สู่ตลาดเมืองไทย ซึ่งถือเป็นประเทศที่ 2 รองจากจีน ที่ได้มีการเปิดตัวสินค้าดังกล่าวเข้าทำตลาด เนื่องจากตลาดประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพบริษัทแม่จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการทำตลาดประเทศไทย
นายกิติศักดิ์ มโนรัตนา ผู้จัดการการตลาดผลิตภัณฑ์น้ำอัดลม บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาทำตลาดในช่วงหน้าร้อนนี้แล้ว บริษัทยังได้มีการเปิดตัวน้ำแฟนต้นสีม่วง หรือน้ำองุ่น กลับเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้งในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากรสชาติดังกล่าวเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งเบื้องต้นบริษัทได้วางระยะเวลาสินค้าดังกล่าวเข้าทำคลาดจำนวน 6 เดือน แต่หากได้ผลการตอบรับที่ดีก็จะขยายเวลาการจำหน่ายสินค้าดังกล่าวออกไป
หลังจากออกมารุกทำการตลาดน้ำอัดลมแฟนต้าอย่างต่อเนื่อง บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) คาดว่า สิ้นปี 2560 นี้จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นได้เป็นที่น่าพอใจ จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำสีอยู่ที่ประมาณ 73% ขณะเดียวกันก็คาดว่าจะสามารถผลักดันให้ยอดขายน้ำอัดลมแฟนต้ามีอัตราการเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลัก ตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดน้ำสีอีก 1 ปี
ด้าน บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มอัดลมภายใต้แบรนด์ "เอส" ก็ขอเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดน้ำสี ด้วยการเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่ ทำจากผลไม้สองชนิดบรรจุลงในขวดเดียวจำนวน 2 รสชาติ คือ “เอส เพลย์ เกรปเบอร์รี” และ “เอส เพลย์ ฮาวายเอี้ยน พันช์“ ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้าดังกล่าวเข้าทำตลาด พบว่า สามารถขึ้นแท่นเป็นเครื่องดื่มที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ได้สำเร็จ ส่งผลให้ เอส เพลย์ เติบโตในช่องทางโมเดิร์นเทรด สูงสุดถึง 36% ในปีที่ผ่านมา รวมทั้งผลักดันให้ เอส เพลย์ มีคะแนนที่สูงขึ้นทั้งในด้านการเป็นตราสินค้าสำหรับฉัน (Brand For Me) จาก 30% เป็น 36% ให้ความสดชื่น (Refreshing) จาก 42% เป็น 51% รสชาติดี (Good Taste) จาก 32% เป็น 39% และเป็นแบรนด์ที่สนุกสนาน (Brand Creating Fun) เพิ่มขึ้นจาก 42% เป็น 49%
นางเจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จดังกล่าว บริษัทจึงได้ส่งแคมเปญ “เอส เพลย์ ปะทะความหอม ประลองความซ่า” เอาใจคนวัยทีนพันธุ์ซ่าให้ได้อร่อยสดชื่นรับซัมเมอร์กับ 2 รสชาติสุดโดน “เอส เพลย์ ฮาวายเอี้ยน พันช์” เครื่องดื่มอัดลมซ่ารสชาติใหม่ล่าสุด ครั้งแรกในประเทศไทยที่รวมเอาความหอมสดชื่นจากสับปะรด มาผสานความหวานซ่อนเปรี้ยวจากแอปเปิ้ลได้อย่างลงตัว และ “เอส เพลย์ เกรปเบอร์รี” ที่ผสมผสานความหอมอร่อยขององุ่น และราสเบอร์รี่ พร้อมเปลี่ยนคลื่นทุกความร้อนของซัมเมอร์นี้ เป็นความหอมอร่อยสุดซ่า ให้เหล่าวัยรุ่นได้สนุกและอร่อยยิ่งขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดกิจกรรมออนไลน์เพื่อสนับสนุนการเปิดตัวแคมเปญฯ โดยตั้งเป้าสื่อสารกับวัยรุ่นไทยกว่า 10 ล้านคนทั่วประเทศ ด้วยการสร้างปรากฏการณ์ความซ่าสนั่นเมือง “est play flip battle challenge”จากเทรนด์สุดฮิตของวัยรุ่นทั่วโลก ซึ่งหลังจากออกมาทำกิจกรรมการตลาดดังกล่าว บริษัท ไทยดริ้งค์ มั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนตลาดน้ำสีให้ขยายตัวอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับยอดขายของเครื่องดื่มเอสที่น่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นได้เป็นที่น่าพอใจ
ก่อนที่ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ จะออกมาฟาดฟันยอดขายในตลาดน้ำสี ในส่วนของเครื่องดื่มบิ๊กก็มีการเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่เข้ามาทำตลาดเช่นกัน ด้วยการเปิดตัว “บิ๊กโวลต์" เครื่องดื่มอัดลมที่ให้พลังงาน (Energetic Soft Drink) เข้ามาทำตลาดเป็นครั้งแรก เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภตที่ต้องการพลังงานและความสดชื่นไปพร้อมๆ กัน
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ บิ๊กโวลต์ คือ รสชาติที่มาพร้อมความซ่าที่มีให้เลือกทั้งรสดั้งเดิมและรสมิกซ์เบอรี่ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดน้ำอัดลม หรือตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง เนื่องจากสินค้าดังกล่าวจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง 2 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งหลังจากเปิดตัวเข้าทำตลาดไปตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็ได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ
ความคึกคักที่เกิดขึ้นดังกล่าวน่าจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดน้ำสีเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักได้อย่างแน่นอน ส่วนจะ 2 หลักช่วงไหนนั้น คงต้องรอดูผลการตอบรับของลูกค้าว่าสินค้ารสชาติใหม่ที่แต่ละค่ายภูมิใจนำเสนอให้กับลูกค้าจะโดนใจกลุ่มลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นได้มากน้อยแค่ไหน
ข่าวเด่น