เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
รองนายกฯสมคิด ดึงนักลงทุน "ฮ่องกง-จีน" ลงทุนในไทย


ดร.สมคิด  จาตุศรีพิทักษ์  รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าได้เร่งหารือการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้ยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) ระหว่างไทยและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง รุกจัดสัมมนาการลงทุนไทย – ฮ่องกง - เซี่ยงไฮ้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงนักธุรกิจทั้งจากฝั่งไทยและฮ่องกงเข้าร่วมเสนอแนะและรับฟังนโยบายกว่า 300 ราย เตรียมใช้ประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางของไทยในอาเซียน และความสัมพันธ์ไทย-ฮ่องกง เพื่อเชื่อมโยงการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนกับมณฑลตอนใต้ของจีน

          
ทั้งนี้ตามที่รัฐบาลไทยได้นำคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเพื่อหารือผู้บริหารภาครัฐ และภาคธุรกิจ รวมทั้งสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council – HKTDC) เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของฮ่องกงในฐานะที่เป็นฮับหรือศูนย์กลางในการผนึกเศรษฐกิจระหว่างจีน - อาเซียน และยังถือเป็นประตูการค้า การลงทุนที่สำคัญ ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังมณฑลและบริเวณเขตเศรษฐกิจต่างๆ ของประเทศจีนโดยรอบ โดยถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยให้มีการขยายตัวและเพิ่มมูลค่าให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ ดังนั้น หลังจากนี้หน่วยงานต่างๆ ของไทย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งผลักดันนโยบายการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมเกิดการขยายความร่วมมือกับเขตบริหารพิเศษดังกล่าวในบริบทและรูปแบบที่กว้างและหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของรัฐบาลได้เร่งสร้างความต่อเนื่องในการแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือ ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย – ฮ่องกง ให้เป็นรูปธรรม พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยให้เกิดการร่วมมือในระดับต่างๆ ที่สูงขึ้นได้ต่อไป
          
 
สำหรับฮ่องกงนั้นถือว่าเป็นคู่ค้าและคู่ลงทุนที่สำคัญของไทยมาโดยตลอด โดยในปีที่ผ่านมา ฮ่องกงมีการนำเข้าสินค้าจากไทยคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 4 แสนล้านบาท อีกทั้งยังถือเป็นเสมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้การริเริ่มนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) หรือโครงการเส้นทางสายไหมเก่า ของประเทศจีนประสบความสำเร็จได้ ซึ่งในอนาคตต่อไปเส้นทางดังกล่าวกำลังจะขยายการเชื่อมโยงสู่ทางทะเล สามารถส่งผลต่อการส่งเสริมความร่วมมือด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการลงทุนระหว่างจีนกับประเทศในแถบภูมิภาคมหาสมุทร ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคอาเซียน โอเชียเนีย แอฟริกาเหนือ แปซิฟิก รวมถึงมหาสมุทรอินเดีย ที่มีแนวโน้มที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงถึงยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจีน ฮ่องกง และ เซี่ยงไฮ้ที่จะให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นต่อไป
          
ทั้งนี้ ในโอกาสดังกล่าวประเทศไทยจึงต้องเร่งใช้ประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของกลุ่มประเทศ CLMV ในการพัฒนาศักยภาพความร่วมมือระหว่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งหากสามารถพัฒนาได้อย่างเป็นรูปธรรมก็จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงอาเซียนกับมณฑลตอนใต้ของจีน โดยมีไทยและฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยง ซึ่งจะเป็นข้อดีในการได้รับผลประโยน์ในรูปแบบ Win – Win ของทั้งสองประเทศในอนาคต
          
 
นายวินเซนต์ โล ประธานองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง กล่าวต่อว่า ได้นำนักธุรกิจฮ่องกงมาเยือไทย 60 ราย ไทย-ฮ่องกงจึงสามารถร่วมมือกันได้ตามนโยบาย One Belt One Road ของจีน จึงเตรียมนำกว่า 100 โครงการ เข้ามาลงทุนไทยภาคตะวันออก เนื่องจากนโยบายจีนขยายการลงทุนออกไปต่างประเทศมากขึ้น หลังจากตัวเลขของการขอรับการส่งเสริมการลงทุนของฮ่องกงใน 3 อีอีซี ของไทยมากกว่า 14,000 ล้านบาท และจะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากมองว่าไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
          
นอกจากนี้ยังได้จัดพิธีลงนามร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก กับองค์การสภพัฒนาการค้าฮ่องกง นับเป็นการลงนามครั้งแรกของอีอีซี กับองค์กรต่างประเทศ ในการร่วมลงทุนด้วยกัน
          
ด้าน ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ผลักดันให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง สสว. กับ HKTDC เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย HKTDC ถือเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมเชื่อมโยงการค้าการลงทุนของฮ่องกง มีการจัดงานนิทรรศการในระดับสากลกว่า 30 งานต่อปี มีการจัดการเชื่อมโยงธุรกิจ Business Matching การสร้างช่องทางการขายผ่าน Online Marketplace รวมถึงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้เข้าสู่ตลาดสากลด้วย ดังนั้น ในโอกาสที่ HKTDC เดินทางมาเยื่อนประเทศไทยในครั้งนี้ จึงเป็นการขยายผลต่อเนื่องในด้านการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้ยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้มุ่งเน้นผลักดันให้ HKTDC และภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เล็งเห็นการใช้ประโยชน์จากนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และการร่วมทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจระเบียงตะวันออก (EEC) ของไทย ทั้ง
          
ในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาทิ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมยานยนต์และรถยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง ธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่พร้อมไปด้วยสาธารณูปโภค ระบบคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  การอำนวยความสะดวกในรูปแบบ One Stop Service เพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจให้มีความรวดเร็วและทันสมัยที่สุดในอาเซียน โดยพื้นที่ EEC ยังจะถูกพัฒนาให้เป็นมหานครแห่งอนาคตที่จะเป็นทั้งศูนย์กลางแห่งการจัดตั้งวิสาหกิจ การค้า การลงทุน การขนส่งของภูมิภาค แหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนยังจะเป็นประตูสู่เอเชียและเชื่อมโยงกับนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนได้เป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้ผู้ประกอบการและผู้ดำเนินธุรกิจของไทย จีน ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ หรืออื่นๆ ได้มีการเชื่อมโยงระหว่างกัน พร้อมก้าวสู่เวทีการค้าระดับสากลได้มากขึ้น
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 พ.ค. 2560 เวลา : 22:10:54
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 5:18 am