นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมียอดขาย 13,303 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 35.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่มีรายได้ 9,809 ล้านบาท ซึ่งยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการ และได้รับการตอบรับที่ดี คือ เดอะทรี สุขุมวิท 71 มียอดขายแล้ว 61.5% และเดอะรีเซิร์ฟ ทองหล่อ ที่ปิดการขายแล้วทั้งโครงการ นอกจากนี้บริษัทยังสามารถทำรายได้ 8,072 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 681 ล้านบาท
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า ในปีนี้จะรุกตลาดพรีเมียม ด้วยการใช้ Business Model ใหม่มาพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยเน้นรูปแบบความแปลกใหม่ เพื่อสร้างสีสันและความแตกต่างให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ เห็นได้ชัดเจนจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียม “เดอะรีเซิร์ฟ ทองหล่อ” เพียง 2 สัปดาห์ สามารถปิดการขายได้ทั้งโครงการ มูลค่า 1,830 ล้านบาท

ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการ “แชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ” คอนโดมิเนียมบนวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาที่สวยที่สุด ที่เปิดขายอย่างไม่เป็นทางการเพียง 1 สัปดาห์ มียอดขายแล้วกว่า 60% คิดเป็นมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาท พร้อมสร้างกระแสในโลกออนไลน์ ด้วยยอดวิวของไวรัลคลิป (Viral clip) “MV หนุ่มบางโพ 2017” ด้วยยอดเข้าชมใน Facebook และ YouTube กว่า 1.5 ล้านวิว ภายใน 1 สัปดาห์ ก่อนการเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 27-28 พ.ค.นี้ และด้วยกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า จึงคาดว่าจะสามารถบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมทั้งเตรียมเปิดคอนโดมิเนียมพรีเมี่ยมทำเลเอกมัย เป็นโครงการขนาดใหญ่ มีมูลค่าสูงกว่าเดอะรีเสิร์ฟ ทองหล่อ แบ่งการพัฒนา 2 เฟส
ด้านนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า ในไตรมาส 1 กลุ่มธุรกิจแวลู เปิดโครงการใหม่แล้ว 11 โครงการ และมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 55 โครงการ ตามแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ รวม 66 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 59,300 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายอีก 168 โครงการ มูลค่า 83,736 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) ของกลุ่มธุรกิจแวลูอยู่ที่ 23,611 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากสิ้นปี 2559 อยู่ที่ 12.8%
ทั้งนี้ จะใช้ “กลยุทธ์ Pruksa 4.0” มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ใน 4 ด้าน มาใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย คือ 1.Smart - Product พัฒนาสินค้าแบบ HVA (High Value Added) 2. Smart - Marketing เน้นการใช้ Digital Marketing 3.Smart - Service พัฒนา Home Service Application 4.Smart - Construction ด้วยการใช้ E-Construction เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบการทำงานภายในองค์กร เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุ
ด้านนางสุภรณ์ ตรีวิชยพงศ์ รักษาการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินและบริหารความเสี่ยง บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรก บริษัทมีรายจ่ายค่าธรรมเนียมการโอน 50 ล้านบาท เทียบกับ Q1/59 ที่มีมาตรการรัฐในการลดค่าโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ประกอบกับ มีต้นทุนการใช้งบค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการเพิ่มขึ้น
ถ้าสามารถโอนได้เฉลี่ยไตรมาสละ 13,000 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้ตัวเลขผลประกอบการคาดว่าดีขึ้น ด้านยอดปฏิเสธสินเชื่อยังทรงตัวจากปีที่แล้ว โดยบริษัทมีกลยุทธ์ให้ลูกค้ารับโอน โดยทำโปรโมชันขายต่ำกว่าราคาตลาดและเน้นให้ลูกค้าทำพรีแอพพรูฟ จึงมั่นใจว่าแม้เศรษฐกิจชะลอตัวลูกค้ายังรับโอนได้ตามเป้าของบริษัท
ข่าวเด่น