นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้เปิดเผยว่า มูลค่า GDP SMEs ไตรมาสแรกของปี 2560 ขยายตัวได้ 4.9% สูงกว่า ไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 4.3% ในขณะที่ GDP ประเทศขยายตัว 3.3% โดยมีสัดส่วนต่อ GDP ประเทศเพิ่มขึ้นจาก 42.2% ในปีก่อน เป็น 42.5% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.61 ล้านล้านบาท
จากที่สภาพัฒน์ได้ประกาศ GDP ไตรมาสแรกของปี 2560 ไปเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 3.3% โดยภาคเกษตรขยายตัว 7.7% และภาคนอกเกษตรขยายตัว 2.9% นั้น ปรากฏว่าภาคธุรกิจที่ SMEs มีบทบาทอยู่มาก สามารถขยายตัวได้ในอัตราสูง คือ ภาคการค้า (5.3%) ภาคบริการในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมและร้านอาหาร (5.9%) และกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ (5.9%) ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของ SMEs มาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้งหลังจากที่หดตัวในไตรมาสก่อน และการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้ในภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาคการค้าและธุรกิจบริการด้านท่องเที่ยว ยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ในขณะที่ภาคธุรกิจที่ขยายตัวในอัตราที่ลดลง ได้แก่ ธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม ขยายตัว 1.2% ลดลงไตรมาสก่อนเล็กน้อย และธุรกิจก่อสร้างที่ขยายตัว 2.8% ซึ่งลดลงค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับอัตรา 6.1% ในไตรมาสที่แล้ว
ทั้งนี้ สสว. ยังคงประมาณการเติบโตของ GDP SMEs ในปี 2560 ว่าไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 5.0 เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้เร็ว ส่งผลให้การบริการและการค้า ขยายตัวได้สูงตามไปด้วย ซึ่ง SMEs ส่วนใหญ่อยู่ในภาคนี้ อีกประการหนึ่งคือราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลดีต่ออุปสงค์ภายในประเทศและยอดขายสินค้าและบริการของ SMEs
ข่าวเด่น