นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (เดือนตุลาคม 2559 – เดือนเมษายน 2560) ว่ารัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 1,209,778 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 1,822,843 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 360,282 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 171,118 ล้านบาท
นายกฤษฎา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้กว่า 1.8 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 56.9 ของวงเงินงบประมาณ สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 1.6 โดยเฉพาะในส่วนของรายจ่ายลงทุนที่สามารถเบิกจ่ายได้เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 13.0 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่คาดไว้
ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ตุลาคม 2559 – เมษายน 2560) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิหลังหักการจัดสรรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 1,223,594 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 4,946 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.4 จากการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่น และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ สูงกว่าประมาณการ 25,475 และ 8,349 ล้านบาท หรือร้อยละ 30.4 และ 9.5 ตามลำดับ โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีน้ำมัน ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเบียร์
“จากภาวะเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” กล่าว
ข่าวเด่น