นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน คาดว่าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชัดเจนในบทบาทหน้าที่และการใช้ประโยชน์ของเงินกองทุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการออกกฎหมายดังกล่าวเพื่อรองรับสถานะบทบาทหน้าที่อย่างชัดเจนในการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
โดยหลังจากที่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในวันนี้แล้ว สนพ.จะจัดทำรายงานสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นประเด็นที่ได้มีการแสดงความเห็น ประกอบการจัดทำคำชี้แจงตามหลักเกณฑ์การตรวจสอบความจำเป็นในการตราพระราชบัญญัติ โดยเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะได้นำเสนอต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา ในกลางเดือนมิ.ย. หลังจากนั้นหากคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นต้องส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อก็จะต้องส่งครม. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป
"การบังคับใช้กฎหมายน่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้ ถึงต้นปีหน้า ถ้ากฤษฎีกาต้องส่งเรื่องให้ครม. หลังจากก็ต้องไปผ่านสภาฯ ซึ่งคาดว่าขั้นตอนน่าจะใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน"นายทวารัฐ กล่าว
นายทวารัฐ กล่าวว่า สนพ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ผ่าน 3 ช่องทาง คือ ช่องทางที่ 1 ผ่านเว็บไซต์ www.eppo.go.th ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม-1 มิถุนายน 2560 ช่องทางที่ 2 การแสดงความคิดเห็นเป็นเอกสาร สามารถส่งได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม-1 มิถุนายน 2560 ได้ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนมาที่สนพ. หรือโทรสาร 02-612 1391 และช่องทางที่ 3 การจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นที่จะมีขึ้นในวันนี้ (1 มิ.ย.) โดยการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นในวันนี้เป็นไปด้วยดี มีผู้แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้าร่วมสัมมนามีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งบางรายที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายทั้งฉบับ หรือบางมาตรา หรือไม่เห็นด้วยบางส่วนของมาตรา ซึ่งเป็นหน้าที่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสรุปความเห็นเพื่อเผยแพร่ต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายทั้งฉบับ เนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันไทยลอยตัวราคาน้ำมันอยู่แล้ว ทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างเสรี ซึ่งการออกกฎหมายครั้งนี้ทำให้มองว่าเป็นความล้าหลัง ขณะที่บางรายเห็นว่าวัตถุประสงค์ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามมาตรา 5 บางเรื่องแม้มีความจำเป็น แต่ไม่จำเป็นต้องออกเป็นกฎหมายบังคับ โดยอาจจะใช้กลไกอื่นมาดำเนินการแทน สำหรับวัตถุประสงค์ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามมาตรา 5 กำหนดให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีวัตถุประสงค์
ดังนี้ การรักษาเสถียรภาพระดับราคาให้อยู่ระดับเหมาะสม ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ,การสนับสนุนเชื้อเพลิงชีวภาพ ให้มีส่วนต่างราคาที่สามารถแข่งขันกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ,การบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาส ,การสนับสนุนการลงทุนสำรองน้ำมันยุทธศาสตร์ เพื่อป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงและเพื่อความมั่นคงทางด้านพลังงาน และการสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อประโยชน์แก่ความมั่นคงด้านพลังงาน
อนึ่ง ฐานะสุทธิของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 2 เม.ย.60 อยู่ที่ 40,155 ล้านบาท แบ่งเป็น ในส่วนของบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPGX อยู่ที่ 6,514 ล้านบาท และในส่วนของบัญชีน้ำมันสำเร็จรูป อยู่ที่ 33,641 ล้านบาท
.jpg)
.jpg)
ข่าวเด่น