นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานคณะอนุกรรมการด้านการจัดการข้อมูลและการสื่อสารประชาสัมพันธ์ และประธานศูนย์เพื่อการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน TMA (TMA Center for Competitiveness) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 สถาบัน International Institute for Management Development (IMD) ในสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถการแข่งขันของประเทศจาก World Competitiveness Center ของ IMD ปี 2560 พบว่าประเทศไทยมีอันดับดีขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 27 จากอันดับ 28 จากทั้งหมด 63 ประเทศ ทั่วโลก โดยฮ่องกงยังคงครองอันดับ 1 รองลงมาสวิตเซอร์แลนด์ เช่นเดียวกับปี ที่ผ่านมา ขณะที่สิงคโปร์เลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ทำให้สหรัฐอเมริกาตกไปเป็นอันดับที่ 4
สำหรับการประเมินปี 2560 ผลการจัดอันดับของไทยดีขึ้นทั้งคะแนนและอันดับได้รับคะแนนภาพรวมเพิ่มขึ้นเป็น 80.095 จากคะแนน 74.681 ในปี 2559 จึงเลื่อนอันดับขึ้นจาก 28 ในปี 2559 เพิ่มเป็น 27 ในปี 2560
ขณะที่ 5 ประเทศอาเซียน ได้แก่ อันดับ 1 สิงคโปร์ ได้รับคะแนน 85 คะแนน อันดับ 2 มาเลเซีย 83 คะแนน อันดับ 3 ไทย คะแนน 80 ตามด้วยฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียแล้ว ไทยยังคงอยู่ในอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย เมื่อไทย แก้ปัญหาด้านต่างๆ คืบหน้ามาก ทำให้คะแนนของไทยไม่แตกต่างจากสิงคโปร์ มาเลเซีย เพราะไทยมีคะแนนจาก 65 ช่วงหลายปีก่อน จึงจะทำให้ขยับอันดับดีขึ้น แสดงถึงความพยายามของรัฐบาล ภาครัฐ เอกชน ร่วมกันขับเคลื่อนการยกระดับ ขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศได้เริ่มส่งผล
ทั้งนี้การจัดอันดับ ของ IMD มีการพิจารณา 4 ด้าน คือ สภาวะ เศรษฐกิจ (Economic Performance) ประสิทธิภาพของภาครัฐ (Government Efficiency) ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ (Business Efficiency) และ โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure)
ด้านพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความพอใจผลการจัดอันดับดังกล่าว และเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นอันดับต้นๆ โดยได้กำหนดให้การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นวาระแห่งชาติ และบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน และขอชื่นชมทุกภาคส่วนที่มุ่งมั่นทำงานจนเกิดผลสำเร็จอย่างต่อเนื่อง 3 ปีติดกัน และฝากกำชับเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่างๆ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สาธารณสุข และการศึกษา เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาหาแนวทาง ในการพัฒนาให้มีอันดับดีขึ้นเช่นเดียวกันกับสภาวะทางด้านเศรษฐกิจและประสิทธิภาพของหน่วยงานภาครัฐ
ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดอันดับที่ออกมาเป็นความจริงที่ต่างชาติมีมุมมองต่อประเทศไทยและดีขึ้นตลอด 3 ปีของรัฐบาลนี้ ซึ่งเป็นข้อดีที่อยากให้ทุกคนช่วยกันสร้าง ทำงานหนักกว่าปีก่อน เพราะนายกฯพยายามขับเคลื่อนทุกอย่างก็ต้องช่วยกันแก้ไข และเชื่อว่าในปีต่อไป เมื่อผลของการลงทุนในโครงการรถไฟและอินเตอร์เน็ตออกมา อันดับเราจะดีขึ้นอีกอย่างแน่นอน.
ข่าวเด่น