ปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องดื่มชูกำลังถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่มีอัตราเติบโตค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้ากลุ่มนี้ คือ ตลาดระดับล่าง และจากการที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรยังอยู่ในภาวะต่ำ จึงทำให้ผู้บริโภคในกลุ่มดังกล่าวชะลอการจับจ่ายใช้สอย และเน้นซื้อสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวกับกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังส่งผลให้บางรายต้องพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการหันมาปรับปรุงหลังบ้าน เพื่อการดำเนินงานมีความคล่องตัวมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต ซึ่งหนึ่งในผู้ประกอบการเครื่องดื่มชูกำลังที่ออกมาปรับกลยุทธ์ในรูปแบบดังกล่าว คือ เครื่องดื่มคาราบาวแดง
นายร่มธรรม เศรษฐสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ คาราบาว กรุ๊ป กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยเติบโตน้อยมาก เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังอยู่นภาวะชะลอตัว ซึ่งในส่วนของบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อย แต่หลังจากบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ในการทำตลาด ด้วยการใช้งบหลายพันล้านบาทขยายกำลังผลิตสินค้า ควบคู่ไปกับการขยายไลน์กลุ่มเครื่องดื่มใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด เช่นกาแฟกระป๋อง และกาแฟสำเร็จรูปแบบซอง ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมามีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครื่องดื่มคาราบาวแดงมีอัตราการเติบโตสูงถึง 15%
ขณะเดียวกันในส่วนของกลุ่มสินค้ากาแฟกระป๋องและกาแฟสำเร็จรูปแบบซอง ก็ได้ผลการตอบรับที่ดีเช่นกัน เห็นได้จากยอดขายในปี 2559 และตั้งแต่ต้นปี 2560 ที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายต่อเดือนได้หลายล้านกระป๋อง แม้ว่าจะยังไม่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าอย่างจริงจัง
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ คาราบาว กรุ๊ป ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา คือ การสร้างยอดขายที่ดีในกลุ่มของน้ำดื่มคาราบาว และการสร้างกลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตขวดแก้ว ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตต่อปีอยู่ที่ประมาณ 650 ล้านขวด ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายต้นทุนโดยการผลิตขวดสีชา ผ่านบริษัทในเครือ เอเชีย แปซิฟิคกลาส คิดเป็นเม็ดเงินที่สามารถลดต้นทุนการผลิตต่อปีได้หลายร้อยล้านบาท
นายร่มธรรม กล่าวต่อว่า ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและตลาดค้าปลีกนั้น นอกเหนือจากคุณภาพสินค้าและการยอมรับของผู้บริโภคแล้ว ระบบการจัดจำหน่ายสินค้าถือเป็นปัจจัยอันดับต้นๆที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตและอยู่รอดได้ ดังนั้น นอกจากจะแตกไลน์การผลิตประเภทเครื่องดื่มและกลุ่มธุรกิจแขนงอื่นๆแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจด้านโลจิสติกส์ โดยมีระบบการจัดจำหน่ายสินค้าของบริษัทเองที่เพิ่มมากขึ้นสามารถกระจายสินค้าผ่าน 31 ศูนย์ มีรถกระจายสินค้าหรือ Cash Van จำนวนกว่า 300 คัน ครอบคลุมร้านค้าทั่วประเทศมากกว่า 3 แสนราย
นอกจากนี้ ยังมีเซลล์คาราบาวเข้าไปช่วยขายหน้าร้าน 1-2 ครั้งต่อเดือน ซึ่งจากจุดเริ่มต้นที่ดีดังกล่าวของธุรกิจโลจิสติกส์ ทำให้ คาราบาว กรุ๊ป เล็งเห็นช่องทางในการต่อยอดธุรกิจ ด้วยการพัฒนาสินค้าตัวอื่นๆเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม และขายผ่านการขนส่งนี้ได้
พร้อมกันนี้ คาราบาว กรุ๊ป ยังมีแผนที่จะจับมือกับพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตสินค้าทั้งในและต่างประเทศนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางนี้ของตัวเอง โดยมองเป้าหมายถึงการสร้างเครือข่ายร้านค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้ามากกว่าหนึ่งประเภทมากขึ้น
เมื่อตั้งเป้าความสำเร็จไว้สูงจำเป็นต้องวางแผนอย่างรัดกุม ผ่านเครื่องมือการทำงานและการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการพัฒนากลุ่มธุรกิจด้านโลจิสติกส์ทำให้ คาราบาว กรุ๊ป ต้องเลือกใช้ระบบเทคโนโลยีการบริหารจัดการ อย่างโซลูชั่นสำหรับการบริหารจัดการกลุ่มรถและติดตามรถขนส่ง “NOSTRA Logistics: Cloud Shipment Management” จากบริษัท จีไอเอส จำกัด ในเครือกลุ่มบริษัท CDG ผู้นำในการให้บริการ IT แบบครบวงจรในประเทศไทย นอสตร้า โลจิสติกส์ เป็นเทคโนโลยีระบบบริหารงานขนส่งที่ผสมผสานเทคโนโลยีหลักทางด้าน GPS, GIS และ Cloud computing เข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในการบริหารจัดการกลุ่มรถ (Fleet Management) และติดตามรถขนส่ง (GPS Tracking) ในแบบเรียลไทม์ โดยสามารถใช้งานผ่าน Web Application และ Mobile Application ในทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพให้แก่การจัดการขนส่ง และลดต้นทุนการขนส่งของบริษัทได้เป็นอย่างดี
ด้านนายสุเทพ ถนอมบูรณ์เจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายสารสนเทศ คาราบาว กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า การทำงานของ NOSTRA Logistics นำเข้ามาช่วยสนับสนุนการบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนได้ โดยเหตุผลที่เลือกใช้โซลูชั่นจากบริษัท จีไอเอส เนื่องจากการนำเสนอรูปแบบแพล็ตฟอร์มระบบที่น่าเชื่อถือ และสามารถให้บริการแผนที่นอสตร้า (NOSTRA Map) แผนที่ประเทศไทยที่มีข้อมูลเฉพาะพื้นที่ละเอียดมากที่สุด ตลอดจนสามารถนำข้อมูลประชากรมาช่วยในการวิเคราะห์ ทำให้บริษัทฯ สามารถต่อยอดจุดจำหน่ายสินค้าได้อย่างแม่นยำ สามารถเพิ่มยอดขาย และได้จำนวนร้านค้าที่เพิ่มขึ้นจาก 75% เป็น 90% ภายใน 1 ปีที่เริ่มนำโซลูชั่นนี้มาใช้
การนำระบบดังกล่าวมาใช้นอกจากจะช่วยให้ประหยัดเวลาในการจัดการด้านโลจิสติกส์ได้มากแล้ว ยังช่วยให้การบริหารจัดการในทุกระบบมีความคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากระบบดังกล่าวจะช่วยหาเส้นทางในการขนส่งให้สั้นที่สุดในแต่ละวันช่วยให้คนขับรถใช้เวลาในการทำงานน้อยลง และสามารถจัดการรับส่งออเดอร์ได้โดยไม่ผิดพลาดหรือตกหล่น เพราะสามารถตรวจสอบการทำงานได้ง่าย
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า บริษัทมั่นใจว่าโซลูชั่นที่นำมาใช้กับธุรกิจโลจิสติกส์จะช่วยกระตุ้นยอดขายโดยรวมในประเทศของคาราบาว กรุ๊ปให้เพิ่มขึ้นได้กว่า 40% และสะท้อนภาพลักษณ์ของบริษัทให้มีความทันสมัยมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อร่วมมือกันพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆเข้ามาทำตลาดแบบ Long Term Solution
หลังจากปรับหลังบ้านเรียบร้อยในปีนี้ คาราบาว กรุ๊ป มีแผนที่จะเดินหน้ากระจายสินค้าไปสู่ตลาดต่างประเทศให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ผ่านบริษัทร่วมทุนที่ประเทศอังกฤษ และตัวแทนจำหน่ายทั้งที่บราซิล และจีน รวมไปถึงการลุยเปิดตลาดใหม่ที่ ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา เป็นต้น
ข่าวเด่น