นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการเลือกตั้งทั่วไปของสหราชอาณาจักร ในวันที่ 8 มิ.ย. 2560 ซึ่งพรรคอนุรักษ์นิยม ของนายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์ ชนะการเลือกตั้ง โดยเบื้องต้นได้รับคะแนนเสียง 313 ที่นั่ง ซึ่งลดลงจาก 330 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งก่อน ทำให้ไม่เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อแนวทางการเจรจาเพื่อออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปแบบสมบูรณ์ (Hard Brexit) ในระยะสั้นอาจจะทำให้ตลาดเงินตลาดทุนมีความกังวลเพิ่มขึ้น และค่าเงินปอนด์มีแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งต้องรอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายด้านต่างๆ อย่างไรก็ตามจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการค้าไทยเนื่องจากสหราชอาณาจักรยังคงดำเนินนโยบายและกฎระเบียบการค้าตามสหภาพยุโรปเช่นเดียวกันกับก่อนเลือกตั้ง ขณะที่ในระยะยาวหลังจากออกจากสหภาพยุโรปแล้ว คาดว่า
สหราชอาณาจักรจะเร่งเจรจาการค้าทั้งพหุภาคีและทวีภาคีกับประเทศต่างๆ มากขึ้น ถือเป็นโอกาสที่ดีของไทยในการเจรจาการค้าและการลงทุนกับสหราชอาณาจักร โดยด้านการค้าคาดว่าการส่งออกน้ำตาล เนื้อไก่ และข้าว จะมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี เนื่องจากสหราชอาณาจักรไม่ต้องถูกจำกัดการนำเข้าภายใต้ระบบโควต้าของสหภาพ ด้านการลงทุน ไทยสามารถพัฒนาความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่สหราชอาณาจักรมีความเชี่ยวชาญและสอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีด้านการบินและอากาศยาน เป็นต้น
ด้านนโยบายที่สำคัญของสหราชอาณาจักร ภายใต้การนำของนางเทเรซ่า เมย์ ยังคงเดินหน้าสานต่อนโยบายสำคัญ อาทิ
· การลงทุนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ร้อยละ 2.4 ของ GDP ภายใน 10 ปี
· จัดตั้งกองทุนลงทุนเพื่อประโยชน์แห่งชาติ (National Productivity Investment Fund) มูลค่า 2.3 หมื่นล้านปอนด์
· ยกเว้นการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และกำหนดเพดานรายได้ ที่ไม่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีไว้ที่ 12,500 ปอนด์
· จะลดผู้อพยพ จนทำให้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพภายในประเทศ หรือ ประมาณ 1 แสนคน (จากระดับในปี 2559 ที่จำนวน 2.48 แสนคน)
· วางแผนลดภาษีธุรกิจเหลือร้อยละ 17 ภายในปี 2020
· คงบทบาทในการสนับสนุน NATO
ด้านความสำคัญทางการค้ากับไทยนั้น สหราชอาณาจักรเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 18 ของไทย โดย 4 เดือนแรกของปี 2560 มีมูลค่าการค้า 2,164 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็นร้อยละ 1.5 ของมูลค่าการค้าไทยกับโลก แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออก 1,364 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.9 ของมูลค่าการส่งออกรวม ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยอันดับ 17 โดยสินค้าส่งออกประกอบด้วย ไก่แปรรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อากาศยานและส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น
ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.2 ของมูลค่าการนำเข้ารวม ด้านดุลการค้า ไทยเกินดุลการค้า 564 ล้านดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรต่อไป
ข่าวเด่น