หลังจากออกมาประกาศปรับประเภทธุรกิจที่เข้าจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จากธุรกิจมีเดียเป็นพาณิชย์และค้าปลีกในช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ก็เดินหน้าลุยธุรกิจค้าปลีกทันที โดยมีกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงามของไลฟ์สตาร์เป็นตัวขับเคลื่อธุรกิจ เพราะหลังจากเปิดตัวกลุ่มสินค้าดังกล่าวเข้ามาทำตลาดได้ไม่นานก็สร้างปรากฎการณ์ทางด้านยอดขายได้เป็นที่น่าพอใจ จนทำให้ต้องปรับภาพลักษณ์ขององค์กรจากธุรกิจสื่อเป็นผู้ประกอบการธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีก
ความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ส่งผลให้บริษัท อาร์เอส เร่งเดินหน้าต่อยอดธุรกิจทันที ด้วยการหันมาลุยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจค้าปลีก ด้วยการเปิดตัว ผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปชนิดผงชงดื่มสำหรับลูกผู้ชาย ภายใต้ชื่อ SOM CMax (เอส.โอ.เอ็ม.ซีแมคซ์) เข้ามาทำตลาดเป็นสินค้าตัวแรก
นายชาคริต พิชญางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด ในเครือบริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การเปิดตัว เอสโอเอ็ม ซีแมคซ์ เข้ามาทำตลาดกลุ่มลูกค้าผู้ชายในครั้งนี้ เพราะบริษัทมองเห็นโอกาสทางุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการเข้ามาทำตลาดสินค้าดังกล่าวอย่างจริงจัง ดังนั้นบริษัทจึงใช้โอกาสดังกล่าวเปิดตัวกาแฟ เอสโอเอ็ม เข้ามาทำตลาด ด้วยการชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์เป็นกาแฟสำเร็จรูปชนิดผงชงดื่มสำหรับลูกผู้ชาย ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนผสมจากถั่งเช่า,โสม และกระชายดำ รวมไปถึงอินทผาลัม และฮอร์ธอร์น
นอกจากนี้ สินค้าดังกล่าวยังไม่มีน้ำตาล ซึ่งหลังจากทดลองนำสินค้าเข้าทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ www.shop1781.com และ Call Center 1781 พบว่า ลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มไปในส่วนของห้างโมเดิร์นเทรด และร้านขายยา เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ทั้งนี้ เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักเร็วขึ้น จึงได้มีการดึง “ใหม่ สุคนธวา เกิดนิมิต” ดารานักแสดงชื่อดังเป็นพรีเซ็นเตอร์ ด้วยการชูจุดเด่นลูกผู้ชายพลังกายเต็ม max หวังเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชาย 35 ขึ้นไป พร้อมกันนี้ ยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมในช่องทางออนไลน์และโฮมช้อปปิ้ง เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างทำให้เกิดการรู้จักและทดลองซื้อสินค้า โดยการจัดแคมเปญซื้อ 2 กล่อง ราคาพิเศษเพียง 990 บาท จากปกติ 1,780 บาท ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. นี้
หลังจากออกมาทำกิจกรรมการตลาดกาแฟเอสโอเอ็ม ซีแมคซ์ อย่างต่อเนื่อง บริษัท อาร์เอส คาดว่าสิ้นปี 2560 นี้ น่าจะมียอดขายจากสินค้าดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะมีการเปิดตัวกาแฟพร้อมดื่มเข้าทำตลาดแล้ว บริษัท อาร์เอส มีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าอุปโภคบริโภคเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติมในปีนี้อีกประมาณ 4-5 รายการ
นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะผลักดันให้ยอดขายเติบโตก้าวกระโดด ด้วยการใช้กลยุทธ์การเชื่อมโยงคุณภาพในทุกมิติ (Synergy all Dimensions) มุ่งเน้นการขายผ่าน Telesale ทาง Call Center โทร.1781 ขณะเดียวกันก็จะใช้งบ 30 ล้านบาท รุกเดินเกมเพิ่มจำนวนรายการสินค้าใหม่ 15 รายการ ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ Magique กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว, Revive กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผม และ S.O.M (Science of Body&Mind) กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจท้องถิ่นประเทศเมียนมา เพื่อร่วมขยายตลาดต่างประเทศ คาดว่าจะสิ้นสุดภายในสิ้นปี 2560 นี้ หลังจากนั้นภายใน 2561 คาดว่าจะสามารถเข้าไปเริ่มขยายธุรกิจในประเทศเมียนมาได้ ส่วนจะนำสินค้าตัวไหนเข้าไปทำตลาดนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม
นางพรพรรณ กล่าวอีกว่า บริษัทมาถูกทางกับการทำธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health and Beauty) ที่เติบโตเร็วมาก จึงได้ปรับเป้าการเติบโตของไลฟ์สตาร์ บริษัทในเครืออาร์เอส ในปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 500% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 220 ล้านบาท ทำให้คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้ 1,100 ล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการไตรมาสแรกไตรมาสเดียวสามารถทำยอดขายเท่ากับยอดขายทั้งปี 2559 คิดเป็น 50% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ 440 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี แม้ว่าบริษัท อาร์เอส จะออกมารุกหนักในด้านของธุรกิจสุขภาพและความงาม รวมไปถึงกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค แต่สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทก็จะยังคงมาจากธุรกิจสื่อที่มีช่อง 8 เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งในส่วนของธุรกิจดังกล่าวก็มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องเช่นกัน เนื่องจากมีการปรับผังรายการใหม่ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการหารายได้จากช่องทางออนไลน์ หรือการทำกิจกรรมการตลาด
พร้อมกันนี้ ยังได้มีการปรับค่าโฆษณาขึ้นตามความเหมาะสมของเรตติ้งที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจากแนวทางดังกล่าวส่งผลให้บริษัท อาร์เอส มั่นใจว่าสิ้นปี 2560 นี้จะมีรายได้จากช่อง 8 อยู่ที่ประมาณ 1,945 ล้านบาท และมีผู้ชมเพิ่มขึ้นจาก 3.5 แสนคนต่อนาทีเพิ่มเป็น 5.5 แสนคนต่อนาทีแน่นอน
จากแนวโน้มที่ดีในแต่ละธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสื่อ ธุรกิจสุขภาพและความงาม หรือธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคส่งผลให้บริษัท อาร์เอส คาดการณ์ว่าสิ้นปี 2560 นี้ ภาพรวมรายได้ของบริษัทจะมีไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท หากไม่มีปัจจัยลบมาส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคแบบรุนแรง จนทำให้ธุรกิจต้องสะดุดเหมือนกับช่วงหลายปีก่อนที่ผู้ประกอบการในธุรกิจส่วนใหญ่เน้นการดำเนินธุรกิจแบบประคองตัว
ข่าวเด่น