ตามที่นายถนอม เกียรติยิ่งฉ้วน เลขานุการเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ เรียกร้องให้ประกาศใช้มาตรา 44 ในการแก้ปัญหายางพาราอย่างเร่งด่วน โดยการประกาศส่งเสริมให้มีการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐเป็นวาระแห่งชาติ เริ่มต้นทำถนนผสมยางพารา เพื่อลดปริมาณยางในประเทศและลดการนำเข้านั้น
นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ชี้แจงว่า รัฐบาลมีการประกาศนโยบายอย่างชัดเจนในการนำส่งเสริมการยางพาราไปใช้ในประเทศ ซึ่งขณะนี้หน่วยงานรัฐบาลทุกกระทรวงได้เดินหน้าเสนอโครงการต่างๆ ที่สามารถนำยางพาราไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำยางในสต๊อกที่รับซื้อจากเกษตรกร และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางโดยตรง มีประมาณ 100,000 ตัน ไปแปรรูปใช้ในประเทศ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเจ้าภาพหลักได้เชิญหน่วยงานรัฐทั้ง 10 หน่วยงาน ซึ่งต้องการใช้ยางพาราในระยะ 3 เดือนข้างหน้า ขณะนี้ปริมาณรวมทั้งสิ้นประมาณ 20,000 ตัน แต่ยังมีหน่วยงานระดับกรมต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะพิจารณางบประมาณที่มีอยู่ในปี 2560 เพื่อนำมาใช้ในโครงการต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมากที่สุด
ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ชี้แจงต่อไปว่า สำหรับ กยท. ได้จัดทำโครงการต่างๆ เพื่อนำยางพาราไปใช้ให้มากที่สุด เช่น การจัดทำสนามเด็กเล่นปูพื้นจากยางพารา สนามฟุตซอล โครงการยางล้อประชารัฐ เป็นต้น สำหรับการที่หลายหน่วยงานจะนำยางพาราไปใช้ไม่ว่าจะทำถนน หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ผ่านมาติดปัญหาระเบียบพัสดุในการจัดตั้งงบประมาณ ราคากลาง คาดว่า หลังจากที่ กยท. ได้เดินหน้าผลักดันเรื่องมาตรฐานกับสินค้าอุตสาหกรรมประเภทนี้ จะมีการใช้ยางในประเทศเพิ่มมากขึ้น จะมีอีกแนวทางหนึ่งที่จะลดความผันผวนราคายาง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2560 กระทรวงเกษตรฯ ได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อกำหนดมาตรฐานด้านการตรวจรับการจัดซื้อจัดจ้าง ในส่วนของมาตรฐานและประสิทธิภาพของถนนที่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานแล้ว ทั้งนี้ อาจมีบางส่วนของถนนที่เมื่อนำยางพาราไปเป็นส่วนผสม อาจจะต้องพัฒนาต่อยอดเพื่อให้มีการเพิ่มการใช้ยางมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะต้องคำนึงถึงมาตรฐานที่ชัดเจน โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานขึ้น ซึ่งจะหารืออีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์ ขอย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้ละเลย แต่เห็นความสำคัญและผลักดันการส่งเสริมการใช้ยางในประเทศมาโดยตลอด
ซึ่งรวมถึงการทำยางพารามาทำถนนด้วย โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและทุกภาคส่วน ไม่ได้เอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และจำเป็นที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันสนับสนุนและผลักดันนโยบายนี้ให้เป็นรูปธรรม ซึ่งจะเพิ่มการใช้ยางพาราในประเทศให้มากขึ้นได้แน่นอน
ข่าวเด่น