กรมศุลกากรจัดขายทอดตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางด้วยวาจา จำนวน 300 คัน โดยมีนายชูชัย อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร เป็นประธานในพิธี คาดว่าจะสามารถนำรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท พร้อมยืนยันรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ประมูลได้ สามารถออกแบบที่ 32 และนำไปจดทะเบียนได้ เมื่อมีการปรับปรุงสภาพตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
นายชูชัย อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรได้มอบหมายให้บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการขายทอดตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางตามสภาพที่เป็นอยู่ ด้วยวิธีการประมูลด้วยวาจา และเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าชมสภาพภายนอกรถยนต์ของกลางตั้งแต่วันที่ 4 - 5 กรกฎาคม 2560 ในส่วนของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกคันที่นำมาขายทอดตลาดในครั้งนี้ เป็นรถของกลางที่กระทำผิดตามกฎหมายศุลกากรหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า – ส่งออก
ได้แก่ รถยนต์ลักลอบหนีศุลกากร รถยนต์หลีกเลี่ยงภาษีอากรหรือข้อกำกัด รถยนต์ที่รับซื้อไว้โดยผิดกฎหมายศุลกากร รวมถึงรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งคดีความสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดินแล้ว กรมศุลกากรซึ่งมีหน้าที่เก็บรักษาและจำหน่ายรถยนต์ของกลาง ได้จัดการขายทอดตลาดด้วยวิธีการประมูลด้วยวาจา เพื่อนำเงินส่งเข้าเป็นรายได้ของรัฐอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม ตามที่กระทรวงการคลังได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจำหน่ายรถยนต์ของกลาง ประกอบระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการขายของกลาง รวมถึงกำหนดกระบวนการดำเนินงานประมูลขายทอดตลาดไว้อย่างรัดกุม อย่างไรก็ตาม ตามหลักเกณฑ์การขายทอดตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลาง ผู้ชนะการประมูลจะต้องนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไปจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกใบรับรองการนำเข้า (แบบที่ 32 )
สำหรับการขายทอดตลาดในครั้งนี้ มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อต่างๆนำมาร่วมประมูล จำนวน 300 คัน โดยรถยนต์ที่มีราคาเปิดประมูลสูงสุด ได้แก่ รถยนต์ยี่ห้อ FERRARI รุ่น CALIFORNIA T ปี 2015 เปิดประมูลในราคา 20.62 ล้านบาท (ลำดับที่ 153) ส่วนรถจักรยานยนต์ที่มีราคาเปิดประมูลสูงสุด ได้แก่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HARLEY-DAVIDSON รุ่น ELECTRA GLIDE ปี 2013 เปิดประมูลด้วยราคา 620,000 บาท (ลำดับที่ 164) โดยรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ประมูลได้ สามารถออกแบบที่ 32 และนำไปจดทะเบียนได้ เมื่อมีการปรับปรุงสภาพตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด โดยจะต้องเป็นรถที่มีสมองกลครบถ้วนและต้องไม่มีสภาพเป็นรถยนต์จดประกอบ ทั้งนี้คาดว่าการขายทอดตลาดฯ ในครั้งนี้จะสามารถนำรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งในปี 2559 ที่ผ่านมา กรมศุลกากรสามารถขายทอดตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางได้กว่า 424 ล้านบาท
ข่าวเด่น