แม้ว่าไตรมาส 3 จะไม่ใช่หน้าขายสินค้าของกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลม แต่ก็ดูเหมือนปีนี้จะมีความคึกคักมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดีนัก จึงทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจน้ำอัดลมต้องออกมาเร่งยอดขายกันทุกไตรมาส โดยเฉพาะกลุ่มตลาดน้ำดำ ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีมูลค่ามากที่สุดในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลม
แบรนด์ที่ออกมาทำตลาดอย่างหนักในช่วงนี้ คือ โค้ก กับ เป๊ปซี่ แม้ว่ารูปแบบการทำตลาดจะแตกต่างกัน แต่เป้าหมายของการออกมาทำกิจกรรมการตลาด คือ จุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นก็คือ การกระตุ้นยอดขายสิ้นปีให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากครึ่งปีแรกที่แต่ละค่ายน่าจะบาดเจ็บจากยอดขายกันพอสมควร
นายสมชัย เกตุชัยโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 นี้บริษัทจะกลับมาสร้างสีสันและกระตุ้นตลาดเครื่องดื่มให้มีความคึกคักอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวโปรโมชั่นภายใต้แคมเปญ "เป๊ปซี่ชวนซ่า ล่ารถในฝัน" ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในวงการสินค้าอุปโภคบริโภค หรือ FMCG ที่ให้ผู้บริโภคได้มีสิทธิ์ลุ้นรถในฝันของคนรุ่นใหม่อย่าง BMW 118i M Sport มูลค่า 1.999 ล้านบาทจำนวน 8 รางวัล
นอกจากนี้ ยังเอาใจนักบิดวัยมันส์ ด้วยรางวัลรถจักรยานยนต์ดีไซน์ล้ำสำหรับวัยรุ่นนอกกรอบ Honda ZOOMER-X มูลค่า 55,700 บาท จำนวนถึง 300 รางวัล รวมทั้งบัตรเติมน้ำมันจาก ปตท. มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 5,700 รางวัล รวมทั้งสิ้นกว่า 6,000 รางวัล โดยมีมูลค่ารวมกว่า 38.4 ล้านบาท ครอบคลุมผู้บริโภคในกลุ่มต่างๆ
อย่างไรก็ดี เพื่อสร้างการรับรู้ในแคมเปญดังกล่าว เป๊ปซี่ยังเตรียมทุ่มงบการตลาดถึง 200 ล้านบาท ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายภายใต้แคมเปญดังกล่าวอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ที่นำแสดงโดย "เจมส์ มาร์" ซึ่งจะออกอากาศตั้งแต่กลางเดือนก.ค.เป็นต้นไป ควบคู่ไปกับสื่อสนับสนุนต่างๆ ทั้งสื่อโฆษณากลางแจ้ง สื่อบนรถประจำทาง สื่อในโรงภาพยนตร์ สื่อดิจิทัลและกิจกรรมออนไลน์ สื่อในร้านค้า และ สื่อ ณ จุดขาย
นายสมชัย กล่าวต่อว่า นอกจากบริษัทจะจัดกิจกรรมให้ผู้บริโภคได้เข้ามามีส่วนร่วมลุ้นโชคแล้ว บริษัทยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับกลุ่มร้านค้า ภายใต้แคมเปญ "ซ่าลุ้นโชคกับเป๊ปซี่" เพื่อชิงรางวัลรถกระบะ Toyota Revo รถจักรยานยนต์ และอื่นๆ รวมกว่า 600 รางวัล เมื่อสั่งสินค้าครบ 600 บาทขึ้นไป และโปรโมชั่นร่วมกับห้างแม็คโคร ให้ลุ้นรางวัลสร้อยคอทองคำจำนวน 60 รางวัล เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในเครือเป๊ปซี่ครบ 750 บาท เป็นต้น
แนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ถือเป็นกลยุทธ์ผสม (Push and Pull Strategy) เพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงหน้าฝนให้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงหน้าฝนถือเป็นช่วงโลว์ซีซันของกลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม ซึ่งหลังจากออกมารุกทำกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น คาดว่าหลังจบแคมเปญจะมียอดขายเติบโตรงตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะที่ "เป๊ปซี" ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ด้วยการทำแคมเปญลุ้นโชคมอบให้กับลูกค้าและร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มเป๊ปซี่ ในส่วนของ "โค้ก" เองก็ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้า ด้วยการจัดงาน "อร่อยซ่าด้วยกันกับโค้ก"
น.ส.คลาวเดีย นาวาร์โร ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งาน ‘อร่อยซ่าด้วยกันกับโค้ก’ ที่จะขึ้นในขณะนี้ก็เพื่อชูจุดเด่นความอร่อยซ่าของเครื่องดื่มโค้ก ที่เข้ากันได้กับอาหารทุกรูปแบบ พร้อมกับเปิดประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับความอร่อยของอาหารไทยในสไตล์สตรีทฟู้ด (street food) กว่า 100 ร้านดังในประเทศไทย โดยมีแรงบันดาลใจมาความรักในอาหารริมทางของคนไทย
ปัจจัยที่ทำให้โค้กเลือกที่จะทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับร้านอาหารสไตล์สตรีทฟู้ด เพราะร้านอาหารในรูปแบบดังกล่าว มีจุดเด่นในการรับประทาน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็มีอาหารอร่อยๆ ให้เลือกรับประทานทุกที่ ทุกเวลา ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งร้านอาหาร หาบเร่ หรือจะเป็นรูปแบบรถเข็น
ดังนั้นโค้กจึงนำจุดเด่นดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือในการทำตลาด เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้ามาใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน และ ทำให้สตรีทฟู้ดของประเทศไทยได้รับการกล่าวขานด้านชื่อเสียงในระดับโลก โดยการสื่อสารผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่มีความประทับใจในสตรีทฟู้ดของประเทศไทย
นอกจากนี้ โค้กยังเตรียมกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างการรับรู้ภายใต้งบกว่า 400 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมในพื้นที่เพื่อเข้าถึงผู้บริโภค ด้วยการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์อย่างเว็บไซต์และโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ เป็นสื่อกลางในการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคให้เข้ามาร่วมสนุกกับกิจกรรมการรับประทานอาหาร ซึ่งหลังจากออกมาทำกิจกรรมการตลาดในรูปแบบดังกล่าว โค้กมั่นใจว่าจะเพิ่มยอดขายได้เป็นที่น่าพอใจ
ปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 51,500 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดน้ำดำ 75% และตลาดน้ำสี 25% ซึ่งในส่วนของผู้นำเครื่องดื่มน้ำอัดลมรวมในปีนี้ ยังเป็นของกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 51%
หลังจาก 2 ยักษ์ใหญ่ ออกมาทำกิจกรรมการตลาดกันอย่างดุเดือดในขณะนี้ คาดว่าในเร็วๆ นี้ ค่ายน้ำอัดลมที่เหลือน่าจะออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อป้องกันส่วนแบ่งการตลาดที่อาจจะหายไปอย่างแน่นอน โดยเฉพาะค่ายน้ำอัดลมน้องใหม่อย่าง "เอส"
ข่าวเด่น