ธปท.ประกาศเกณฑ์เกณฑ์การขอบัตรเครดิตใหม่ ให้เหมาะสมกับความสามารถชำระหนี้ ลดปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ให้วงเงินสินเชื่อ 1.5 เท่าของรายได้ รายได้ 30,000-50,000 บาท ให้วงเงิน 3-5 เท่าของรายได้ พร้อมลดเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิตเหลือ 18% จากเดิม 20% ส่วนสินเชื่อบุคคลรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ให้วงเงินไม่เกิน 1.5 เท่า และกำหนดมีได้ไม่เกิน 3 ใบ โดยเกณฑ์ใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.60
นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการ ฝ่ายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดวงเงินแก่ผู้ขอมีบัตรเครดิต เพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ โดยกำหนดให้ผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท จะได้วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ สำหรับผู้มีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป จะได้วงเงินไม่เกิน 3 เท่าของรายได้ และรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป วงเงินไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ ขณะเดียวกันยังได้ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตเหลือ 18% จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ
ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ได้ปรับลดวงเงินสินเชื่อ แก่ผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท วงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ และให้ได้รับวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลจากผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับไม่เกิน 3 ราย สำหรับผู้มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป กำหนดวงเงินไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ แต่ไม่จำกัดจำนวนผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับผู้บริโภคแต่ละราย โดยยังคงเพดานอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อภายใต้การกำกับจะเรียกเก็บได้ เพื่อให้สามารถให้บริการสินเชื่อแก่ผู้บริโภคในกลุ่มต่างๆให้เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น
สำหรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้มีผลกับลูกค้าใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป ขณะที่ลูกค้าเก่าจะไม่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ การปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าว เนื่องจาก ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า หนี้ในภาคครัวเรือนของประเทศอยู่ในระดับสูง และอาจส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและภาพรวมของเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งมองว่าเกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยลดโอกาสการเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวในอนาคต
ทั้งนี้ ธปท.ยังได้กำหนดให้ผู้ให้บริการสามารถติดต่อลูกค้าตามช่วงเวลาที่กำหนด โดยกำหนดให้วันจันทร์-ศุกร์ ติดต่อได้ช่วง 8.00-20.00 น. ส่วนวันหยุดราชการ 8.00-18.00 น.
ข่าวเด่น