แม้ว่าปัจจุบันผู้บริโภคส่วนหนึ่งจะหันไปช้อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์ แต่เนื่องจากผู้บริโภคคนไทยส่วนใหญ่ยังคงมีความต้องการที่จะเห็นและจับต้องสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ ประกอบกับมนุษย์ยังคงเป็นสัตว์สังคมที่ต้องการพบปะพูดคุย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จึงทำให้มีการคาดการณ์กันว่าธุรกิจห้างสรรพสินค้าในประเทศไทยยังสามารถขยายตัวได้ และไม่หายไปจากตลาดในเร็วๆนี้เหมือนกับที่อเมริกาประสบปัญหาอย่างแน่นอน
แต่เพื่อความไม่ประมาทในการดำเนินธุรกิจ ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าเองก็ต้องมีการปรับตัว เพื่อรับมือกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวบรรดาผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าจึงต้องหันมาเพิ่มสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคข้ามาทำตลาดมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่ต่อไปได้ และเติบโตในทิศทางที่ดี
บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าที่ออกมาปรับกลยุทธ์ เพื่อให้สอดคล้องไปกับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการออกมาเปิดตัวกลยุทธ์ทางการตลาดภายใต้ชื่อ Family Centric หรือการทำแคมเปญและกิจกรรมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ด้วยการสร้างประสบการณ์บนความเหมือนและแตกต่างของแคมเปญและกิจกรรมต่างๆที่เรียกว่า Matrix Marketing
นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า การที่บริษัทออกมาเปิดเผยกลยุทธ์การตลาด Family Centric ในครั้งนี้ เพราะกลุ่มเป้าหมายของห้างสรรพสินค้าในเครือของบริษัทมีความแตกต่างกัน เช่น เดอะมอลล์ จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเจเนอเรชั่นวายตอนต้นและตอนปลายอายุระหว่าง 21-35 ปี และกลุ่มครอบครัวขยาย 3 รุ่น ปูย่าตายายพ่อแม่ลูก
ขณะที่ดิ เอ็มโพเรียม จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายเจเนอเรชั่นวายตอนปลายอายุ 26-35 ปี กลุ่มครอบครัว 3 รุ่น ครอบครัวไม่มีบุตร และครอบครัวที่อยู่คนเดียว ส่วนสยามพารากอน จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายเจเนอเรชั่นเอ็กซ์ อายุ 36-45 ปี ครอบครัวขยาย 3 รุ่น และพ่อแม่ที่มีลูกวัยรุ่น
จากความแตกต่างของกลุ่มเป้าหมายที่แต่ละห้างสรรพสินค้าต้องทำการตลาด จึงทำให้บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าไปทำตลาด ซึ่งในส่วนของแคมเปญแรกที่จะได้เห็นความแตกต่าง คือ แคมเปญวันแม่ ซึ่งบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้มีการปรับกลยุทธ์ให้เป็นเดือนแห่งผู้หญิงเพศแม่ เพื่อให้รูปแบบการทำตลาดกว้างขึ้น
นายชำนาญ กล่าวต่อว่า สิ่งที่แตกต่างกันในแต่ละห้างฯคือ วิธีการสื่อสารแคมเปญให้กับลูกค้าที่ในแต่ละห้างสรรพสินค้า ได้แก่ เดอะมอลล์ จะเป็นการนำเสนออารมณ์ของผู้หญิงหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้หญิงในทุกระดับผ่านแคมเปญ “Make Her Day : ทำเดือนนี้ให้เป็นวันของเธอ” ซึ่งลูกค้าสามารถ ซื้อของขวัญให้ผู้หญิงที่คุณรักจาก 6 แผนก พร้อมกิจกรรม Make Her Day Station” เพียงช้อปปิ้งที่ เดอะมอลล์ ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ครบ 5,000 บาท หรือที่ Gourmet Market 2,000 บาท รับฟรี! สบู่ทำจากใจ ที่มีให้เลือกถึง 4 กลิ่น และร่วมสนุกกับการออกแบบ Gift Tag และ Gift Postcard ด้วยตัวคุณเอง
ขณะที่เอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเม้นต์สโตร์ จะเน้นการตอบสนองด้านอารมณ์ความเป็นแม่ ด้วยการสร้างบรรยากาศในพื้นที่ให้ดูอบอุ่น ภายใต้แคมเปญ Live In The Moment เชิญชวนคู่แม่ลูกมาร่วมกิจกรรมไฮไลท์ในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ โดยการร่วมมือของ 2 ศิลปินดังอย่าง คุณโอ๊ต มณเทียร ศิลปินนักวาดชื่อดัง และคุณ Jonas Dept นักเปียโนระดับโลก ชาวเบลเยี่ยม ที่จะมาถ่ายทอดความรักของแม่และลูก จากเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจ โดยถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดศิลปะเสมือนจริงที่งดงาม
ส่วน พารากอน ดีพาร์ทเม้นต์สโตร์ ตอบสนองคู่แม่ลูกวัยรุ่น ซึ่งเป็นหลานกับย่า อบอุ่นแต่ก็สนุกสนาน ผ่านแคมเปญ Sweet Is Strong จับมือกับร้านขนมชื่อดังอย่าง After You สาขาพารากอน และ 8 ไทยดีไซเนอร์ ได้แก่ Vatanika, La Boutique, Thea By Thara, Kloset, Poem, Irada, Patinya และ Milin รังสรรค์ของขวัญพิเศษวันแม่ Sweet Sandwich 8 รสชาติ
นอกจากแคมเปญวันแม่ ซึ่งจัดโดยวิเคราะห์จากข้อมูล ที่แตกต่างของกลุ่มลูกค้าแล้ว การปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับการเข้าสู่ Retail 4.0 ยังถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยมีการนำแอปพลิเคชั่น Line Man และ Lalamove มานำเสนอบริการในรูปแบบใหม่ภายในห้างสรรพสินค้า ซึ่งล่าสุดทาง Food Hall เดอะมอลล์ เอ็มโพเรียม และพารากอน ได้เปิดให้บริการลูกค้าสามารถสั่งซื้ออาหารได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น Line Man จากร้านอาหารชื่อดังกว่า 600 ร้าน พร้อมบริหารส่งสินค้าจาก Lalamove เฉพาะในเดือนส.ค.นี้
นายชำนาญ กล่าวปิดท้ายว่า การวางแผนทำการตลาดของห้างสรรพสินค้าในกลุ่มเดอะมอลล์ ดังที่กล่าวมาถือเป็นการตอกย้ำการทำการตลาดในสถานการณ์ปัจจุบันที่จะต้องมองให้เห็นถึงความต้องการกลุ่มลูกค้าที่เป็นลูกค้าตัวจริง ผสานกับการเตรียมความพร้อมในการรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิตอล
หลังจากออกมาปรับกลยุทธ์การตลาดให้มีความเข้มข้นมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป มั่นใจว่าสิ้นปี 2560 นี้จะมีรายได้ทะลุเป้าหมายที่วางไว้ 56,000 ล้านบาท เติบโต 4 % จากปีที่ผ่านมาแน่นอน เนื่องจากครึ่งปีแรกสามารถทำรายได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยการมียอดขายเติบโตที่ 4%
ข่าวเด่น