หลังจากหายหน้าไปนานกับการออกมาประกาศยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจ ล่าสุดกลุ่มธุรกิจทีซีพี ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังอันดับ 3 ของไทยอย่างแบรนด์ กระทิงแดง ก็ออกมาประกาศยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในอีก 5 ปี นับจากนี้ว่าจะใช้งบลงทุนสูงถึง 10,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจในเครือสู่เป้าหมายรายได้ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 28,000 ล้านบาท
กลยุทธ์ที่จะธุรกิจของกลุ่มทีซีพี ไปถึงเป้าหมาย 1 แสนล้านบาทนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วนหลัก คือ 1.การเสริมสร้างขีดความสามารถของฝ่ายบริหารและพนักงานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น 2.การขยายและพัฒนากำลังการผลิตและพอร์ทโฟลิโอของสินค้า และ 3.การเพิ่มฐานที่มั่นในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมไปถึงการสร้างอัตลักษณ์ใหม่ขององค์กร เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ
นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทีซีพี(TCP) กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเสริมสร้างขีดความสามารถของฝ่ายบริหารและพนักงานทุกระดับชั้นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ผ่านโครงการฝึกอบรมบุคลากรที่มีความเข้มข้น เช่น โครงการฝึกอบรมระดับผู้บริหารสายงานธุรกิจกว่า 100 คน และโครงการฝึกอบรมระดับปฏิบัติการ ทั้งนี้ ก็เพื่อเพิ่มความรู้ความสามารถให้กับบุคลากรในองค์กร ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ทำให้แผนการดำเนินธุรกิจในอีก 5 ปีนับจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะใช้งบอีกประมาณ 100 ล้านบาท พัฒนาบุคลากรในองค์กรต่อไป
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจทีซีพี ยังเปิดรับบุคลากรระดับบริหารที่เก่งที่สุดเข้ามาเสริมทีม เพื่อสร้างสรรค์วัฒนธรรมองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับวิธีปฏิบัติแบบสากล ซึ่งในส่วนของทีมผู้บริหารที่นำเข้ามาร่วมงานส่วนใหญ่เคยผ่านการเรียนรู้วิธีการทำงานระดับโลกจากบริษัทเครื่องดื่มและสินค้าอุปโภคบริโภคข้ามชาติ จึงทำให้มีทักษะความสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจในเครือของทีซีพีได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งของดีของการนำบุคลากรสากล ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นบุคคลในประเทศนั้นๆ ที่บริษัทส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาด คือ บุคลากรที่เป็นโลคอลของแต่ละประเทศจะมีความรู้ความเข้าใจในตลาด และพฤติกรรมความต้องการ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ ได้ดีว่า การนำบุคลากรจากประเทศไทยเข้าไปทำตลาดในประเทศนั้นๆ
นายสราวุฒิ กล่าวต่อว่า การขยายและพัฒนากำลังการผลิตสินค้าในพอร์ทโฟลิโอของบริษัทถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่บริษัทให้ความสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงงานที่ผลิตสินค้าในประเทศไทยอยู่ 2 แห่ง และมีโรงงานผลิตสินค้าในต่างประเทศอีก 3 แห่ง ในประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และจีน ซึ่งทั้ง 5 แห่งมีกำลังการผลิตรวมกันมากกว่า 1,000 ล้านลิตรต่อปี โดยในส่วนของโรงงานในประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตระดับโลก ที่ทำการผลิตด้วยคุณภาพมาตฐานที่เข้มงวดสูงสุดและสามารถผลิตสินค้าป้อนได้ทุกตลาดทั่วโลก
พร้อมกันนี้ กลุ่มธุรกิจทีซีพี ยังมุ่งมั่นในการสร้างทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคในประเทศไทยและทั่วโลก ด้วยการใช้งบลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะการที่ธุรกิจจะเติบโตได้จะพึ่งพาสินค้าเก่าเพียงอย่างเดียวได้ แต่ต้องมีสินค้าใหม่เข้ามาสร้างสีสัน และเพิ่มทางเลือก เพื่อสร้างรายได้เสริม
สำหรับกลยุทธ์ที่จะพาให้กลุ่มธุรกิจทีซีพีไปถึงเป้าหมาย 1 แสนล้านบาทได้นั้น จะมุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจไปในตลาดต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มประเทศเก่าที่ได้ส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดกว่า 170 ประเทศแล้ว ในอีก 5 ปีนับจากนี้ กลุ่มธุรกิจทีซีพี ยังมีแผนที่จะเปิดสำนักงานแห่งใหม่ หรือโรงงานแห่งใหม่อย่างน้อยปีละ 1 แห่งใน 1 ประเทศ เพื่อตอกย้ำการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ “เฮ้าส์ออฟแบรนด์” ที่ทรงพลัง
นายสราวุฒิ กล่าวอีกว่า การมีสำนักงานในประเทศต่างๆ จะช่วยให้บริษัทเข้าใจความต้องการ ความชอบ และพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศได้ดียิ่งขึ้น และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะตลาดได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจทีซีพี มีบริษัทในเครือที่ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกัน 4 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ที.ซี. ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด เป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มส่งออกไป 14 ประเทศในเอเชีย และเป็นผู้ส่งออกวัตถุแต่งกลิ่นรสที่ใช้ในเครื่องดื่มเรดบลูและกระทิงแดง
ขณะที่บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด จะรับผิดชอบในการทำตลาดและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกระทิงแดง โสมพลัส เรดดี้ สปอนเซอร์ ไลฟ์ แมยซั่ม เพียวริคุ ริคุ และซันสแนค ส่วนบริษัท ที.จี. เวนดิ้ง แอนด์ โชว์เคส อินดัสทรีส์ จำกัด เป็นเจ้าของและบริหารจัดการตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติสำหรับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มและแบรนด์อื่นๆ รวมไปถึงการจำหน่ายเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องและขวดประเภทน้ำอัดลม น้ำผลไม้ กาแฟ ชา สปอนเซอร์ กระทิงแดง และอื่นๆ
สำหรับบริษัท เดอเบล จำกัด ดูแลการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันนอกจากจะนำสินค้าในเครือไปจัดจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ แล้ว ยังได้รับสินค้าจากคู่ค้าแบรนด์ต่างๆ ไปจัดจำหน่ายในช่องทางขายต่างๆ อีกด้วย
แม้ว่าขณะนี้กลุ่มทีซีพี จะยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีสินค้าใหม่ๆ อะไรออกมาทำตลาดบ้าง แต่จากสินค้าที่มีอยู่ด้วยกัน 6 กลุ่มครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าเกือบทุกวัยก็น่าจะช่วยให้กลุ่มธุรกิจทีซีพี มีรายได้เติบโตก้าวกระโดดแล้ว ซึ่งในส่วนของสินค้า 6 กลุ่มที่ผลิตพร้อมเข้าทำตลาดแล้ว ประกอบด้วย กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง ได้แก่ กระทิงแดง เรดดี้ โสมพลัส และวอริเออร์ กลุ่มเครื่องดื่มเกลือแร่ ได้แก่ สปอนเซอร์ และไลฟ์บายสปอนเซอร์ กลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริ้งก์ หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ได้แก่ แมนซั่ม และแมนซั่มฟรคโซดา กลุ่มเครื่องดื่มชาพร้อมดื่ม ได้แก่ เพียวริคุ และริคุ กลุ่มขนมขบเคี้ยว ได้แก่ ซันสแนค และซันสแนคแซ่บ
หลังจากออกมาขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ กลุ่มธุรกิจทีซีพี คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีนับจากนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ 1 แสนล้านบาทน่าจะมีสัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศอยู่ที่ 80% และในประเทศ 20% เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 60% ในประเทศ 40% เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีโอกาสที่ธุรกิจจะขยายตัวได้ดีกว่าในประเทศที่มีการแข่งขันรุนแรง แต่ก่อนที่จะไปมีรายได้ 1 แสนล้านบาท กลุ่มธุรกิจทีซีพีคาดว่าสิ้นปี 2560 นี้น่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีทรายได้อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท
ข่าวเด่น