กูรูทิสโก้คาดเดือนส.ค.-ก.ย. นักลงทุนสถาบันขายหุ้น 2 หมื่นล้านบาทปรับพอร์ต แนะนักลงทุนเริ่มทยอยซื้อหุ้นใหญ่เก็บ รออานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้าหลังสถานะถือครองต่างชาติต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2548
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล. ทิสโก้ (Mr.Viwat Techapoonphol, Deputy Managing Director, Head of Technical Analysis, TISCO Securities Co., Ltd) ฉายภาพรวมตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา TISCO Monthly Guru Updates ว่าตลาดหุ้นไทยในเดือนส.ค.และ ก.ย. มีโอกาสย่อตัว ส่วนหนึ่งมาจากแรงขายจากนักลงทุนสถาบัน เพราะจากการเก็บสถิติพบว่าส่วนใหญ่ช่วงเดือน ส.ค.และเดือน ก.ย.ของทุกปี นักลงทุนสถาบันจะขายหุ้นเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน โดยประเมินว่าในช่วงเดือน ส.ค.และ ก.ย.ปี 2560 นักลงทุนสถาบันจะมีสถานะขายสุทธิประมาณ 2 หมื่นล้านบาท หลัง 7 เดือนแรกของปี2560 มีสถานะซื้อสุทธิ 46,036 ล้านบาท มองกรอบดัชนีหุ้นไทยในไตรมาสที่ 3 จะปรับตัวขึ้นไม่เกิน 1,590-1,600 จุด และลงมาทำจุดต่ำสุดของไตรมาสในเดือน ก.ย.ที่1,555-1,530 จุด
ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนทยอยซื้อสะสมในเดือน ก.ย. หากดัชนีย่อตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 1,555 จุด กรณีที่ย่อลงแรงกว่านั้นให้ทยอยเข้าซื้อที่แนวรับถัดไปที่ 1,535 จุด เน้นซื้อหุ้นขนาดใหญ่รอรับเงินทุนต่างประเทศที่คาดว่าจะไหลเข้ามาอีกครั้งในไตรมาสที่ 4 หลังสถานะการถือครองของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2548 ขณะที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 จะฟื้นตัวอย่างชัดเจนมีปัจจัยหนุนหลักคือการลงทุนภาครัฐ หนุนให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาร้อนแรงอีกครั้งโดยประเมินดัชนีเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยไตรมาส 4 ไว้ที่ 1,650 จุด สำหรับหุ้นเด่นเดือน ส.ค.คือ AP, BANPU, BEAUTY, ROJNA, SEAFCO และ TPIPP
สำหรับมุมมองหุ้นต่างประเทศ ในเดือนส.ค.-ก.ย.มีโอกาสสูงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกจะเข้าสู่ช่วงปรับฐานลงประมาณ 5-8% จากจุดสูงสุด (Peak) ของปี 2560 เพราะในช่วงนี้เป็นช่วงศูนย์รวมข่าวร้ายโดยมีปัจจัยลบ 4 ประเด็น คือ 1.นโยบายการเงินของประเทศหลักของโลกอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน แนะนำนักลงทุนให้จับตานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยวันที่ 20 ก.ย.Fed จะเริ่มประกาศแผนการลดขนาดงบดุลจากปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าในไตรมาสที่ 4 ปี 2560 Fed จะลดงบดุลประมาณ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2561 ลดลง 3.3 แสนล้านดอลาร์สหรัฐฯ และปี 2562 จะลดลงอีก 5.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ ECB เตรียมลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จาก 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน เหลือ 4 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน 2. ความไม่แน่นอนของนโยบายด้านต่างๆ ของประเทศสหรัฐฯ เช่น การผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ที่จะมาแทนโอบามาแคร์ 3.DOWJONES และNADAQ ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นโดยไม่มีการปรับฐานเกินกว่า 5% มา 11 เดือนติด เข้าถึงจุดซื้อมากเกินไป (Overbought) 4.ราคาหุ้นทั่วโลกเริ่มแพง นับจากปี 2553ที่เกิดวิกฤติ Dot Com Bubble
ทั้งนี้ งานสัมมนา TISCO Monthly GURU Updates เป็นหนึ่งในกิจกรรมสัมนาที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนเพื่อเผยแพร่บทวิเคราะห์และทิศทางการลงทุนเพื่อช่วยให้ลูกค้าทิสโก้และนักลงทุนบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ตามกลยุทธ์การเป็นผู้แนะนำการลงทุนชั้นนำ หรือ Top Advisory House ของทิสโก้
ข่าวเด่น