บจ.ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 2560 รวม 5.17 แสนล้านบาท เติบโต 5.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน แม้ในช่วงไตรมาส 2 ต้นทุนการผลิตและการขายปรับสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรของ บจ. ไตรมาส 2 ลดลง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านอุปโภคบริโภคยังคงเติบโตดี และเริ่มเห็นการปรับดีขึ้นของหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จากการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในช่วงครึ่งปีหลัง จะส่งผลบวกต่อการดำเนินงานของ บจ. ในช่วงที่เหลือของปี
ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET จำนวน 572 บริษัท หรือคิดเป็น 94.55% จากทั้งหมด 605 บริษัท (รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือ NPG) นำส่งผลการดำเนินงาน งวด 6 เดือนแรกปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 พบว่า บจ. มีกำไรสุทธิจำนวน 445 บริษัท คิดเป็น 77.80% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันในปีก่อน
ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2560 บจ. มียอดขายรวม 5,430,488 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.09% มีกำไรขั้นต้น 1,263,050 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 516,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์มีผลประกอบการดีขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกโดยเฉลี่ยที่สูงขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน มาอยู่ที่ 51 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อบาร์เรล ทั้งนี้ บจ. มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 23.26% ลดลงเมื่อเทียบกับ 25.06% ของช่วงเดียวกันในปีก่อน
ด้านเงินปันผล บจ. ใน SET และ mai ประกาศจ่ายเงินปันผลตั้งแต่ มิ.ย. จนถึงปัจจุบันแล้ว 159 แห่งเป็นจำนวนเงิน 123,713 ล้านบาท โดยเป็นการประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดการดำเนินงานครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 2560 จำนวน 117 บริษัท ทั้งในรูปแบบ cash dividend และ stock dividend มูลค่ารวม 93,883 ล้านบาท มากกว่าปีที่ผ่านมาที่มีการประกาศเงินปันผลสำหรับการดำเนินงานครึ่งปีแรกทั้งหมดอยู่ที่ 88,043 ล้านบาท
“ ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2560 เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลดีต่อ บจ. ไทยมียอดขายเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่เนื่องจาก บจ. มีต้นทุนการผลิตและการขายปรับสูงขึ้น จึงทำให้มีกำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิลดลงในไตรมาส 2 อย่างไรก็ดี หมวดธุรกิจที่มียอดขายและกำไรสุทธิเติบโตได้ดี คือ หมวดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค และหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มมีกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มขึ้น”
สำหรับในไตรมาส 2/2560 บจ. มียอดขายรวม 2,703,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.24% โดยมีกำไรขั้นต้น 606,590 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 225,668 ล้านบาท ลดลง 9.54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ มีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ 22.43% เมื่อเทียบกับ 25.52% ในไตรมาส 2/2559 ขณะที่เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2560 บจ. มียอดขายทรงตัว และมีกำไรสุทธิลดลง 20.60%
เมื่อพิจารณาฐานะการเงินของกิจการ ณ สิ้นไตรมาส 2/2560 พบว่า โครงสร้างเงินทุนของ บจ. ยังคงแข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.16 เท่า ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนและ ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 1.21 เท่า
ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในภาพรวมปรับลดลงเช่นกัน โดยในช่วง 6 เดือนแรกปี 2560 บจ. mai มีกำไรสุทธิ 1,977 ล้านบาท ลดลง 21.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาส 2/2560 มีกำไรสุทธิ 761 ล้านบาท ลดลง 43.55% จากไตรมาส 2/2559 และลดลง 33.94% จากไตรมาส 1/2560
ข่าวเด่น