บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้รับปัจจัยหนุนจากสภาพัฒน์ปรับคาดการณ์ GDP ปี 60 ขึ้นเป็น 3.5-4.0% ตามการขยายตัวของภาคเอกชน หนุนกรอบดัชนีแกว่งตัว 1,560 – 1,590 จุด แนะสะสม PTTGC-IRPC อานิสงส์ค่าการกลั่นทรงตัวระดับสูง 6 – 7 ดอลลาร์/บาร์เรล และ PDI ได้ประโยชน์จากราคาสังกะสีสูงสุดในรอบ 9 ปี ด้านแนวโน้มราคาทองคำผันผวนตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือ-สหรัฐ และการประชุมประจำปีเฟดในสัปดาห์หน้า แนะสะสมทองในประเทศต่ำกว่า 20,000 บาท
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยหนุนจากการประกาศตัวเลย GDP ปี 60 ของสภาพัฒน์เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3.5-4.0% จากเดิม 3.3-3.8% หลังการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 2/2560 ขยายตัวถึง 3.7% จากการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีต่อเนื่อง ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐและการส่งออกสินค้าและบริการขยายตัวเร่งขึ้น ประกอบกับรมว.พาณิชย์ มั่นใจการส่งออกปีนี้มีโอกาสโตสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 5% หลังครึ่งปีแรกโต 7.83% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
นอกจากนี้การประชุมครม.เดินหน้าอนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมาและสายบางใหญ่-กาญจนบุรี โครงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่งผลบวกต่อการลงทุนพื้นฐาน โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
ส่วนปัจจัยลบที่คาดว่ามีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น ส่วนหนึ่งมาจากความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างประเทศ อาทิ ปัญหาทางการเมืองสหรัฐหลัง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยุบสภาที่ปรึกษา 2 คณะซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากสหรัฐและเกาหลีใต้ประกาศร่วมซ้อมรบเป็นเวลา 10 วัน และ Fund Flow ต่างชาติเป็น Net Sell ต่อเนื่องตั้งแต่เดือนส.ค. เป็น Net Sell 4.6 พันลบ.
อย่างไรก็ตามคงต้องจับตา การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)หัวข้อ “Fostering a Dynamic Global Economy” ในวันที่ 24-26 ส.ค.นี้ ซึ่งมีผู้ว่าการธนาคาร รมว.คลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากประเทศต่างๆทั่วโลกเข้าร่วมประชุมหารือกันในประเด็นเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งในสหรัฐและประเทศต่างๆทั่วโลก ปีนี้นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเข้าร่วมด้วย และในวันที่ 25 ส.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว และคดีจีทูจี และในวันที่ 31 ส.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีปัจจัยบวกจากสภาพัฒน์ปรับคาดการณ์ GDP ปี 60 ขึ้นเป็น 3.5-4.0% ตามการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากหุ้นรายตัวที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโต อย่างไรก็ตามแรงกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ผันผวนโดยตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. เป็น Net Sell ราว 4.6 พันลบ. รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีจะเป็นแรงกดดัน ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,560 – 1,590 จุด
ทั้งนี้ แนะนำซื้อสะสมแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มโรงกลั่น แนะนำ PTTGC และ IRPC อานิสงส์จากค่าการกลั่นทรงตัวระดับสูงราว 6 – 7 ดอลลาร์/บาร์เรล รวมถึง PDI ที่ได้รับผลบวกจากราคาสังกะสีสูงสุดในรอบ 9 ปี
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดจับตาสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีที่ตึงเครียดมากขึ้นหลังการซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ ปธน.ทรัมป์ ประกาศจุดยืนยุทธศาสตร์ในการคงกองกำลังทหารไว้ในอัฟกานิสถานเพิ่มความตึงเครียดให้กับภูมิภาคของเอเชีย ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐฯกำลังสั่นคลอน ระดับความเชื่อมั่นต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีให้ลดน้อยถอยลง เป็นสัญญาณที่เตือนถึงความเสี่ยงในระยะกลาง ซึ่งสนับสนุนการยืนทรงตัวในระดับสูงของราคาทองคำ
ด้านราคาทองในประเทศได้รับผลบวกจากการแกว่งตัวแคบ ๆ ของค่าเงินบาท แต่ยังมองเป็นจังหวะขาย เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่ ๆ ที่ชัดเจนพอจะหนุนให้ราคาทะลุขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์ได้
นอกจากนี้ นักลงทุนควรปรับพอร์ตเพื่อป้องกันความผันผวนระหว่างการประชุมประจำปีธนาคารกลางและผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่ Jackson Hole ในช่วงปลายสัปดาห์ รวมทั้งแนะนำให้เพิ่มการถือครองทองคำในจังหวะที่ราคาทองในประเทศปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 20,000 บาท
ข่าวเด่น