แม้ว่าปัจจุบันธุรกิจคอนซูเมอร์หรือสินค้าอุปโภคบริโภคในไทยจะอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว จึงทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคไม่ฟื้นตัวตามไปด้วย ซึ่งจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบในธุรกิจคอนซูเมอร์ต้องออกมาใช้กลยุทธ์ในด้านของราคาแข่งขันกันอย่างดุเดือด เห็นได้จากการนำสินค้ามาลดราคาขายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 50% เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค
แต่สำหรับ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ พีแอนด์จี ออกมาประกาศว่าไม่มีนโยบายที่จะเข้าไปแข่งขันในเรื่องดังกล่าว หากมีการทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้าก็ไม่ได้มีการลดราคาถึง 50% เหมือนกับผู้เล่นรายอื่นในตลาด เนื่องจากสินค้าของพีแอนด์จีส่วนใหญ่เป็นสินค้าพรีเมียม เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับบน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว จึงทำให้พีแอนด์จี ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีสำหรับการทำธุรกิจในประเทศไทย เพราะนอกจากจะมีสินค้าพรีเมียมที่เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับบนที่มีกำลังซื้อแล้วยังมีการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันไป
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ ภายใต้การบริหารงานของแม่ทัพคนใหม่ คือ นายราฟฟี่ ฟาร์ฮาโด ซึ่งหลังจากเข้ามารับตำแหน่งเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา นายราฟฟี่ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวถือเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับการเข้ามาบริหารธุรกิจพีแอนด์จีในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์การทำงานหลายสิบประเทศทั่วโลก นายราฟฟี่ มีความมั่นใจว่าจะสามารถพาพีแอนด์จีประเทศไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดได้อย่างแน่นอน ด้วยการวางเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2020 หรือประมาณปี 2563 พีแอนด์จีประเทศไทยต้องมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ได้อย่างแน่นอน ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจที่จะพาพีแอนด์จีประเทศไทยไปสู่เป้าหมายในปี 2020 ได้นั้น จะยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้ แนวคิด “We Grow Together” ชู “นวัตกรรม” “ความเป็นผู้นำ” และ “ความเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม” เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จของธุรกิจ
นายราฟฟี่ ฟาร์ฮาโด กรรมการผู้จัดการบริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเป็นองค์กรที่มีความเป็นเลิศ (Be the Best) ทั้งบุคคลากร และ แบรนด์สินค้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น ส่งต่อรุ่นสู่รุ่นผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ นวัตกรรม ความเป็นผู้นำ และ การเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม
ทั้งนี้ ในส่วนของกลยุทธ์ นวัตกรรม จะเป็นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของสินค้าเก่าและสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัวเข้ามาทำตลาดในอนาคต ซึ่งไทยถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่บริษัทแม่ของพีแอนด์จีให้ความสำคัญในการขยายธุรกิจ เนื่องจากสินค้าแต่ละแบรนด์ที่ได้เปิดตัวเข้ามาทำตลาดได้ผลการตอบรับที่ดีจากลูกค้าไม่ว่าจะเป็นดาวน์นี่ , แพนทีน ,เฮด แอนด์ โชว์เดอร์ , โอเลย์ , ยิลเลตต์, มาช ทรี ,ออรัล – บี หรือแพมเพิร์ส
นอกจากนี้ พีแอนด์จีประเทศไทยยังได้ถูกกำหนดเป็นฐานการผลิตอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับภูมิภาคเอเชีย เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกผลิตภัณฑ์ความงามที่มีกำลังการผลิตที่มากที่สุดอันดับหนึ่งในเอเชีย และเป็นอันดับสองของพีแอนด์จีทั่วโลก โดยมีมูลค่าส่งออกมากกว่าหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐไปสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และในอีกหลายประเทศ โดยตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จ.ฉะเชิงเทรา
กลยุทธ์ต่อไปที่จะให้ความสำคัญคือ ความเป็นผู้นำ ปัจจุบันพีแอนด์จีเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับว่ามีระบบการการพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรให้เติบโต เพื่อก้าวไปสู่การเป็นนักบริหารมืออาชีพในระดับสากล ด้วยนโยบายด้าน Diversity and Inclusions ที่ให้ความสำคัญกับความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และความพร้อมด้านสถานที่ อุปกรณ์ต่างๆ และโปรแกรมต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการพัฒนาบุคคลากรอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการสนับสนุนโอกาสความก้าวหน้าของพนักงานหญิงในระดับผู้บริหาร
สำหรับพีแอนด์จี ประเทศไทย ปัจจุบัน มีสัดส่วนของพนักงานหญิงกับชายในระดับผู้บริหารเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่เป็นสุภาพสตรีคนไทย โดยในปีที่ผ่านมาพีแอนด์จี ประเทศไทย ได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการบริษัท, ผู้จัดการโรงงาน และล่าสุดคือ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ซึ่งเป็นผู้หญิงและเป็นคนไทยคนแรกนับแต่ก่อตั้งบริษัทมา 30 ปีในประเทศไทย นับว่าเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาบุคลากรอย่างเท่าเทียม และส่งเสริมพนักงานทุกคนให้นำศักยภาพของตนเองมาใช้ในการทำงานอย่างเต็มที่
กลยุทธ์สุดท้ายที่จะให้ความสำคัญ คือ ความเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม เพราะการที่ธุรกิจจะเติบโตได้ต้องสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร ซึ่งพนักงานของพีแอนด์จีทุกคนจะได้รับการปลูกฝังความเป็นพลเมืองที่ดีในสังคม ในทุกๆกิจกรรมที่รับผิดชอบผ่านมูลนิธิพีแอนด์จีประเทศไทยเพื่อสังคม ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นการแสดงเจตนารมย์อย่างเป็นรูปธรรมของพีแอนด์จี ที่ต้องการบรรลุเป้าหมายด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต สุขอนามัย สิ่งแวดล้อม โดยร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการจัดตั้งโครงการต่างๆ เพื่อสังคม เช่น โครงการน้ำดื่มปลอดภัยพีแอนด์จี โครงการมอบของขวัญเพื่อการเรียนรู้ โครงการสตรีไทยใส่ใจรับผิดชอบ และโครงการสนามเด็กเล่นรีไซเคิลจากขวดแชมพูพีแอนด์จี เป็นต้น
หลังจากออกมาประกาศกลยุทธ์ดังกล่าวพีแอนด์จีมั่นใจว่าแนวทางธุรกิจที่วางไว้ว่าจะพาธุรกิจในประเทศไทยให้มีอัตราการเติบโตได้ที่ 50% ในปี 2563 เป็นไปได้แน่นอน ซึ่งหากทำได้พีแอนด์จีไทยอาจขึ้นเป็นผู้นำของอาเซียนแทนฟิลิปปินส์
ข่าวเด่น