เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ดีเดย์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 1 ต.ค.60


การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ตามโครงการประชารัฐสวัสดิการ  ที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1  ต.ค. 2560 นี้ นับเป็นโครงการที่มีความชัดเจนในการลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้ที่มีรายได้น้อย โดยมีระบบการให้สวัสดิการที่ตรงกลุ่ม ไม่เปิดช่องให้เกิดการทุจริต

 
 
 
 

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว  นางสาวสุทธิรัตน์   รัตนโชติ  อธิบดีกรมบัญชีกลาง  เปิดเผยว่า การช่วยเหลือมี 2 ส่วน คือ การเดินทาง และครัวเรือน โดยการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติช่วยเหลือการเดินทางทางรถเมล์และรถไฟฟ้าคนละ 500 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่มีสิทธิและอยู่ในกรุงเทพมหานคร และใน 6 จังหวัด ประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ,และค่าโดยสารรถ บขส. คนละ 500 บาทต่อเดือน ค่าโดยสารรถไฟ คนละ 500 บาทต่อเดือน สำหรับทุกคนที่มีสิทธิในโครงการ โดยจะเริ่มทยอยติดตั้งระบบอีทิกเก็ตในรถเมล์จำนวน 2,600 คัน  ซึ่งสามารถใช้ระบบตั๋วร่วมได้ทั้งระบบ

ส่วนการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนนั้น ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินอุดหนุนสวัสดิการ ในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น จากร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือร้านค้าขนาดเล็กอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด เดือนละ 300 บาท แต่หากมีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินช่วยเหลือ 200 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังได้ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม จากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด คนละ 45 บาท ต่อ 3 เดือน

โดยจะเริ่มทยอยแจกตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนนี้ และคาดว่าจะเริ่มทยอยใช้ได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2560  ซึ่งเงินสวัสดิการจะเข้าบัตรทุกวันที่ 1 ของทุกเดือน หากยังใช้วงเงินไม่หมดก็จะตัดยอดที่เหลือทันที เพื่อประหยัดงบประมาณในโครงการ
 
 

 
 
ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้ผลิตสินค้า (ซัพพลายเออร์) มาหารือถึงแนวทางร่วมกันที่จะจัดส่งสินค้าเพิ่มเติมเข้ามายังร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ตามนโยบายรัฐบาลที่ได้จัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยมีผู้ลงทะเบียนครอบคลุมมากถึง 11.67 ล้านคน    เบื้องต้นสินค้าจำเป็นที่จะกำหนดมาจัดขายผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ สินค้าอุปโภคบริโภค,สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เช่น ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางการเกษตร เช่น ปุ๋ยเคมี เป็นต้น และเป็นสินค้าภายใต้แบรนด์ที่ผลิตทำออกมาจำหน่ายอยู่แล้ว ไม่ใช่แบรนด์ใหม่
 
 
 

 
ทั้งนี้ ตามแผนโดยกระทรวงพาณิชย์  ซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่จัดหาสินค้าและร้านค้าปลีก (โชห่วย) ร้านค้าชุมชม มาเข้าร่วมโครงการร้านธงฟ้าประชารัฐ เบื้องต้นตั้งเป้าที่จะผลักดันให้มีร้านธงฟ้าประชารัฐครอบคลุมทุกตำบล หรือประมาณ 8,000 แห่งให้ได้ก่อนวันที่ 1 ต.ค. 2560 หลังจากนั้นจะขยายร้านค้าธงฟ้าประชารัฐเพิ่มเติมออกไปให้ได้มากที่สุด คาดว่าจะมีวงเงินจากการใช้จ่ายซื้อสินค้าภายในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ตามวงเงินที่รัฐบาลกำหนดประมาณปีละ 3.8 หมื่นล้านบาท

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 31 ส.ค. 2560 เวลา : 00:57:41
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 11:55 pm