เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.00 น. นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร และนายวรวุฒิ วิบูลศิริชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม ได้แถลงข่าวการตรวจยึดตัวนิ่มหรือลิ่นมีชีวิต จำนวน 136 ตัว และเกล็ดตัวนิ่มหรือลิ่น 450 กิโลกรัม ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย รวมมูลค่ากว่า 2,500,000 บาท ซึ่งทั้งตัวนิ่มและเกล็ดตัวนิ่มถูกขึ้นบัญชีเลขที่ 1 (Appendix I) ห้ามไม่ให้มีการซื้อขาย ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) และเป็นของต้องห้ามนำเข้าหรือนำผ่านตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
![](/userfiles/02(31).jpg)
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ได้แถลงว่า เพื่อให้บรรลุพันธกิจของกรมศุลกากรในการปกป้องสังคมให้ปลอดภัยด้วยระบบควบคุมทางศุลกากร และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทย ในการเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญระดับนานาชาติ กรมฯ จึงได้มีนโยบายในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าสัตว์ป่าและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าที่ห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
ในการนี้ อธิบดีฯ จึงสั่งการให้ นายชัยยุทธ คำคุณ รักษาการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร นายวรวุฒิ วิบูลศิริชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม (สสป.) นายณัฐวุฒิ สระฏัน ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนและปราบปราม 1 นายวรชิต เดชบวรลักษณ์ ผู้อำนวยการส่วนของกลาง และนายวันชัย แทนทรัพย์ หน.ชุดสืบสวนปราบปราม ศูนย์ป้องกันและปราบปรามของศุลกากร ปราณบุรี ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบติดตามข้อมูลของขบวนการค้าสัตว์ป่า ซึ่งการตรวจยึดในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จ อันเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำตัวนิ่มหรือลิ่นและเกล็ดเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย โดยทยอยลักลอบเข้ามาและจะมีรถยนต์กระบะมารับสินค้าต่อในบริเวณจังหวัดชุมพร จึงได้สะกดรอยติดตาม เมื่อรถกระบะต้องสงสัยเดินทางถึงเขตพื้นที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามของศุลกากรปราณบุรี เมื่อช่วงคืนวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว และขอเข้าตรวจค้นรถยนต์กระบะต้องสงสัยจำนวน 2 คัน ผลการตรวจค้นพบตัวนิ่มมีชีวิต จำนวน 136 ตัว และเกล็ดตัวนิ่มจำนวน 450 กิโลกรัม มูลค่ารวมประมาณ 2,500,000 บาท (สองล้านห้าแสนบาท)
![](/userfiles/05(21).jpg)
ตัวนิ่มมีชีวิตและเกล็ดตัวนิ่มจำนวนดังกล่าว ที่ได้ถูกยึดเป็นของกลาง ตามความในมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบ มาตรา 16 มาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 23 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และตัวนิ่มและผลิตภัณฑ์จากตัวนิ่มยังถูกขึ้นบัญชีเลขที่ 1 (Appendix I) ห้ามไม่ให้มีการซื้อขาย ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) นอกจากการจับกุมตัวนิ่มหรือลิ่นและเกล็ดแล้ว และเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา กรมศุลกากรยังได้จับกุมงาช้างลักลอบนำเข้าผ่านช่องทางพัสดุขนส่งระหว่างประเทศ จำนวน 6 กิ่ง น้ำหนักรวม 2.8 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 250,000 บาท อีกด้วย
อนึ่ง ในปีงบประมาณ 2560 นี้ กรมศุลกากรเคยจับกุมตัวนิ่มและผลิตภัณฑ์จากตัวนิ่มไปแล้วกว่า 2.9 ตัน มูลค่ากว่า 29 ล้านบาท และเคยจับกุมงาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างไปแล้วกว่า 16,730 ชิ้น น้ำหนักรวม 75 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 7.5 ล้านบาท สำหรับสถิติคดีที่เกี่ยวข้องกับสินค้าทั้งหมดที่ถูกขึ้นบัญชี CITES ในปีงบประมาณ 2560 นั้น จับกุมมาแล้ว 34 คดี รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 246,167,564 บาท (สองร้อยสี่สิบหกล้านหนึ่งแสนหกหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยหกสิบสี่บาท)
ข่าวเด่น