นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังจากประชุมคณะทำงานด้านการส่งเสริมการค้า ธุรกิจบริการและการลงทุนในต่างประเทศ (D4) ภายใต้คณะกรรมการสานพลังประชารัฐ ว่าได้หารือร่วมกับภาคเอกชนซึ่งนำโดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานร่วมของคณะทำงาน เพื่อติดตามสถานการณ์การส่งออกอย่างใกล้ชิด ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าภาพรวมการส่งออกน่าจะขยายตัวได้ดีเกินร้อยละ 5 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาอาหารและน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น การส่งออกขยายตัวได้ดีในทุกตลาด และทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าอาหารในตลาดญี่ปุ่น สินค้ากุ้งและไก่แช่แข็งในตลาดสหรัฐฯ และยุโรป ทั้งนี้ มีปัจจัยเสี่ยงได้แก่ ค่าเงิน ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันการลงทุนในต่างประเทศโดยตรงของนักลงทุนไทย (TDI) มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะได้หารือร่วมกับ BOI เพื่อกำหนดมาตรการจูงใจสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นก่อนจะดำเนินการผลักดันในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
“เพื่อตอกย้ำนโยบาย CLMV as Our Home Market ของรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์มีแผนจัดกิจกรรมสร้างเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ของไทยกับกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งด้านการค้าและการลงทุน พร้อมยกระดับเป็นเวทีความร่วมมือเพื่อก้าวสู่ตลาดโลกและการเจริญเติบโตไปด้วยกันอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมของ สถาบัน NEA ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและกิจกรรม YEN-D ของกรมการค้าต่างประเทศ นอกจากนี้จะได้ร่วมกับภาคเอกชนนำโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจัดประชุม Workshop CLMVT ในวันที่ 9 กันยายน 2560 เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การค้า การบริการและการลงทุนร่วมกันสำหรับระยะกลาง-ยาว 3-5 ปี มุ่งเน้นการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ผลักดันการลงทุนร่วมกันและอำนวยความสะดวกผลักดันการค้าชายแดนให้ราบรื่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว
ด้านความคืบหน้าโครงการบูรณาการข้อมูลการค้าและการลงทุนที่เกี่ยวกับ CLMV จากภาครัฐและเอกชน (Knowledge Tank) ที่ภาคเอกชนซึ่งมีสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเป็นแกนนำจะจัดทำในรูปแบบแอปพลิเคชั่น โดยนำข้อมูลดังกล่าวมาสังเคราะห์ให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ใช้ประโยชน์ได้ทันทีพร้อมบริการอื่นๆ อาทิ การให้คำปรึกษาผู้ประกอบการไทย การจัดทำ Market Research ตามความต้องการเฉพาะเรื่องของผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งคาดว่าจะสามารถใช้งานได้ภายในปี 2560
คณะทำงานได้เห็นชอบการจัดตั้งคณะทำงานด้านธุรกิจบริการที่มีศักยภาพ 3 คณะย่อย ได้แก่ คณะทำงานธุรกิจบริการโลจิสติกส์ (Trade Logistics) ธุรกิจบริการสุขภาพ (WMS) และธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์ (Digital Content) เพื่อกำหนดแผนงานในการส่งเสริม พัฒนาและแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่จำเป็นต่อการเติบโตของธุรกิจบริการแต่ละประเภท รวมถึงการจัดตั้งคณะทำงานพัฒนาการค้าเมืองชายแดนแม่สอดเพื่อเร่งรัดการดำเนินการในแผนงานเร่งด่วน อาทิ การผ่านแดนทั้งขาเข้าและขาออก การสร้างศูนย์กระจายสินค้า การปรับแก้ไขกฎระเบียบด้านการส่งเสริมกิจการค้าปลีก-ส่ง เป็นต้น
ในส่วนของการทำงานร่วมกับ Regional Advisors มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมอย่างมาก อาทิ ภูมิภาคอเมริกา ร่วมกับ ไทยยูเนี่ยน คัดเลือกผู้ประกอบการไทยเพื่อไปเจรจาซื้อขายกับ ผู้นำเข้า Food Services รายใหญ่ในสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน 2560 ภูมิภาคจีน ร่วมกับ CP และ Loxley ดำเนินโครงการ “ไท่ เล่อ โก้ว” ผลักดันสินค้าอุปโภคบริโภคใน 6 หัวเมืองเศรษฐกิจใหญ่ของจีน ในรูปแบบ Thai Shelf แทนการวางรวมกับสินค้าประเทศอื่นๆ ภูมิภาคยุโรป ร่วมกับ Central ขยายช่องทางกระจายสินค้าไทยที่มีมูลค่าเพิ่มและนวัตกรรม ผ่านเครือข่ายของ Central ในประเทศอังกฤษ เยอรมนี และอิตาลี ภูมิภาคเอเชียใต้ ร่วมกับ SCG จัดเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับโอกาสและแนวโน้มทางธุรกิจในอินเดีย ภูมิภาคแอฟริกา ร่วมกับ Toyota Tsusho จัดสัมมนา “Eyes on Africa” รวมถึงจัดคณะผู้ประกอบการสินค้าเครื่องจักรกลการเกษตร สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าอาหารเดินทางไปเจรจาการค้าที่ภูมิภาคแอฟริกาในเดือนกันยายน 2560 อีกทั้งมีกำหนดหารือกับ warehouse & logistics provider ในแอฟริกาเพื่อต่อยอดในการกระจายสินค้าไทยสู่แอฟริกาต่อไป
ข่าวเด่น