นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ใช้โอกาสในช่วงการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งที่ 49 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงมะนิลา พบหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซีย (นายอเล็กเซย์ กรูซเดียฟ) เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนที่ต่อเนื่องและมีทิศทางเป็นบวกระหว่างกันและเร่งผลักดันการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการค้า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563 ตามที่ผู้นำสองฝ่ายตกลงกันไว้ รวมทั้งเพื่อปูทาง สำหรับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซียตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา)
นางอภิรดี กล่าวว่า ในประเด็นการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทยกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย สองฝ่ายเห็นว่า เป็นปัจจัยสำคัญให้มีการขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันตั้งแต่การเริ่มประกาศการจัดทำ FTA แต่ในขณะนี้สองฝ่ายควรเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจของโอกาสทางธุรกิจระหว่างกันให้กับนักธุรกิจ โดยการใช้กลไกทุกอย่างที่มีอยู่ โดยต้องร่วมมือส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเข้าร่วมกิจกรรมที่แต่ละประเทศจัดขึ้น อย่างเวทีการประชุมทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น การประชุม Eastern Economic Forum ที่รัสเซีย ซึ่งมีผู้แทนไทยเข้าร่วมการเสวนาในเวทีอาเซียน-รัสเซีย หรือการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า ที่ล่าสุดรัสเซียได้มีคณะนักธุรกิจจาก 16 บริษัทเข้าร่วมงาน Thai Medical Fair ของไทย นอกจากนี้ รัสเซียยังเสนอจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้าใจต่อการดำเนินงานภายในสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียให้กับไทยด้วย
ทั้งนี้ รัสเซียได้แสดงความสนใจในการเข้ามาร่วมในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของไทยอย่างมาก ซึ่งในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเเศรษฐกิจครั้งที่ 3 เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา สองฝ่ายได้ตกลงให้จัดตั้งคณะทำงานสำหรับความร่วมมือระหว่างโครงการ Eastern Economic Corridor ของไทยและโครงการพัฒนาของรัสเซีย ซึ่งฝ่ายไทยจะมีสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซีย สองฝ่ายจึงตกลงให้เร่งการดำเนินการของคณะทำงานเพื่อให้ฝ่ายรัสเซียสามารถรับทราบข้อมูลและโอกาสการร่วมลงทุนใน EEC ได้อย่างตรงตามความต้องการ ในการหารือนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซียรับจะกลับไปจัดเตรียมคณะนักธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อมาเยือน EEC ของไทยโดยเร็วเช่นเดียวกับคณะของฮ่องกงและญี่ปุ่น
ในส่วนสินค้าเกษตรที่ไทยเร่งรัดให้รัสเซียเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและยางพาราจากไทยนั้น สองฝ่ายเห็นว่ายังมีโอกาสความร่วมมือในด้านอื่นอีกมาก ควรมองในลักษณะของโครงสร้างที่จะเป็นประโยชน์ (beneficial structure) ซึ่งต้องมีการวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างความหลากหลายของสินค้า ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทไทยเข้าไปลงทุนด้านการเกษตรอยู่แล้วและน่าจะมีบริษัทอื่นๆ ตามไปลงทุนในรัสเซียเพิ่มขึ้นอีก
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไทยและรัสเซียมีมูลค่าการค้าระหว่างกันเฉลี่ย 3,077 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2559 รัสเซียเป็นคู่ค้าลำดับที่ 32 ของไทยในตลาดโลก มีมูลค่าการค้า 1,964 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยส่งออกมูลค่า 577 ล้านเหรียญสหรัฐและนำเข้าจากรัสเซีย 1,386 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยและรัสเซียมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่า 1,380 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาสูงถึงร้อยละ 71 โดยการส่งออกเพิ่มร้อยละ 55 และการนำเข้าเพิ่มร้อยละ 79
ข่าวเด่น