จากโอกาสทางการตลาดดังกล่าว ทำให้ปีนี้ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ตัดสินใจที่จะจับมือร่วมกับบริษัท เซ็นทรัล แฟมิลี่มาร์ท จำกัด นำขนมไหว้พระจันทร์ที่ผลิตขึ้นมาเฉพาะจำหน่ายภายในร้านแฟมิลี่มาร์ทเท่านั้น เพื่อสร้างความแตกต่างจากการขายในช่องทางอื่นๆ
นายกำธร ศิลาอ่อน กรรมการผู้จัดการใหญ่สายการผลิตและการเงินบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขนมไหว้พระจันทร์ที่บริษัทผลิตขึ้นมาจำหน่ายเฉพาะที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทในครั้งนี้ คือ ขนมไหว้พระจันทร์ไส้มะม่วง ซึ่งเป็นไส้ที่ผลิตขึ้นมานอกเหนือจากขนมไหว้พระจันทร์ที่จัดจำหน่ายในร้านเอสแอนด์พีที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 17 ไส้
ทั้งนี้ จุดเด่นของขนมไหว้พระจันทร์ไส้มะม่วง ที่เอส แอนด์ พี ได้ผลิตเข้ามาทำตลาดในร้านแฟมิลี่มาร์ท คือ การคัดสรรมะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น พันธุ์โชคอนันต์ และพันธุ์น้ำดอกไม้ เพื่อให้ขนมไหว้พระจันทร์ไส้มะม่วงที่ผลิตออกมามีเนื้อเนียนนุ่ม รสชาติหอมอร่อยกลมกล่อม
นอกจากนี้ เอส แอนด์ พียังได้นำขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียนหมอนทอง และไส้บัวไข่ มาจำหน่ายในร้านแฟมิลี่มาร์ทควบคู่กันไปไส้มะม่วงอีกด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิมขนมไหว้พระจันทร์ได้ง่ายขึ้น เอส แอนด์ พีได้มีการทำโปรโมชั่นร่วมกับร้านแฟมิลี่มาร์ท ด้วยการมอบส่วนลด 20 % ให้กับลูกค้า และเมื่อซื้อขนมไหว้พระจันทร์ทุกรสชาติตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไปลูกค้าสามารถรับกล่องป๊อปอัพน้องมะม่วงรุ่น Limited Edition ฟรีทันที หรือเมื่อครบ 4 ชิ้น รับฟรีกล่องเหล็กพร้อมเปิดจองแล้วตั้งแต่วันนี้ – 22 ต.ค.นี้
นอกจากจะมีช่องทางใหม่ในการขายสินค้าแล้วเอส แอนด์ พี ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดขนมไหว้พระจันทร์ที่อยู่คู่ตลาดขนมไทยมากว่า 40 ปี ด้วยการจับมือกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เจ้าของลิขสิทธิ์รายการดังอย่างหน้ากากนักร้อง “เดอะ มาสก์ ซิงเกอร์” ผลิตขนมไหว้พระจันทร์ออกมาในรูปแบบหน้ากากนักร้องต่างๆ เพื่อเกาะแสความนิยมของรายการดังกล่าว โดยในส่วนของสินค้าที่จะผลิตเข้ามาทำตลาดจะเป็นในรูปแบบของ Limited Edition จำนวน 6 หน้ากาก เช่น ลายหน้ากากทุเรียน หน้ากากโพนี่ หน้ากากจิงโจ้ และหน้ากากซูโม่ เป็นต้น
ขณะที่เอส แอนด์ พี เปิดเกมรุกด้วยการขยายช่องทางจำหน่ายมาที่ร้านแฟมิลี่มาร์ท และเปิดตัวสินค้าไส้ใหม่ ควบคู่ไปกับสินค้าหน้าใหม่เช้ามาทำตลาด ในส่วนของภัตตาคารเชียงกรีล่าก็หันมาให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางขายใหม่อย่างร้านสะดวกซื้อเช่นกัน หลังจากก่อนหน้านี้เคยนำขนมไหว้พระจันทร์เข้าไปจำหน่ายในร้าน 108 ช็อปและได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจมาแล้วแต่ปัจจุบันต้องหยุดนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายชั่วคราว เนื่องจากร้าน 108 ช็อปมีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจเป็นร้านลอว์สัน 108
นายบัญชา พจชมานะวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัตตาคารเชียงกรีล่า จำกัด กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจของขนมไหว้พระจันทร์เชียงกรีล่าในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในร้านค้าสะดวกซื้อเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจประมาณ 2-3 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้
สำหรับแผนการทำตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้ ภัตตาคารเชียงกรีล่า มีแผนที่จะผลิตขนมไหว้พระจันทร์ เพื่อขายเองและรับจ้างผลิตให้กับพันธมิตรที่มาว่าจ้างประมาณ 5 แสนชิ้น ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณการผลิตที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยในส่วนของสินค้าที่จะผลิตเข้ามาทำตลาดในปีนี้จะมีด้วยกันประมาณ 13 ไส้ ซึ่งไส้พิเศษที่ผลิตเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติมในปีนี้ คือ ช็อกโกแลตคัสตาร์ดส่วนไส้ที่หยุดผลิตคือ ไส้กาแฟ
นายบัญชา กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้วัตถุดิบปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ บริษัทจึงตัดสินใจปรับราคาขายสินค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 3 บาทต่อชิ้น โดยไส้ที่มีการปรับราคาขึ้นมากที่สุดคือ ไส้ทุเรียนหมอนทองปรับขึ้น 4 บาทต่อชิ้น ในขนาด 170 กรัม แต่ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการปรับราคาขนมไหว้พระจันทร์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงสุดที่ 4 บาท แต่หากนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่บางแบรนด์ปรับราคาสูงขึ้นถึง 10 บาทต่อชิ้น ถือว่าการปรับราคาขึ้นของบริษัทยังน้อยมาก
อย่างไรก็ดี เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต บริษัทได้เตรียมความพร้อมในด้านของกำลังการผลิตสินค้า ด้วยการขยายกำลังการผลิตที่โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบที่ประมาณ 5 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรเพิ่ม เพื่อผลิตสินค้าให้ได้ประมาณ 15 ล้านชิ้นต่อปี เนื่องจากในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่ม
ทั้งนี้ แม้ว่าปีนี้ผู้ประกอบการขนมไหว้พระจันทร์จะออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาดผ่านช่องทางใหม่ๆ กันอย่างคึกคัก แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นให้ภาพรวมตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปี2560 นี้ มีอัตราการเติบโตไปจากปี 2559 ได้ เนื่องจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวไทยยังไม่ฟื้นตัว จึงทำให้คาดการณ์กันว่าสิ้นปี 2560 นี้ ตลาดรวมขนมไหว้พระจันทร์น่าจะใกล้เคียงกับปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 700-900 ล้านบาท หรือมียอดขายเชิงปริมาณอยู่ที่ประมาณ 5-6 ล้านชิ้น
ข่าวเด่น