การตลาด
สกู๊ปเรดดี้ปลุกสินค้าใหม่ย้ำผู้นำตลาดชูกำลังพรีเมียม


แม้ว่าภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจะอยู่ในภาวะซบเซา ซึ่งปีก็มีการคาดการณ์กันว่าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 1-2 % เท่านั้น เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 22,000 ล้านบาท แต่หากมองไปที่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียมที่มีราคาขายตั้งแต่ 15 บาทขึ้นไป ตลาดนี้ถือว่ามีการขยายตัวสูงเลยทีเดียว เห็นได้จากอัตราการเติบโตในแต่ละปีที่ผ่านมามีการเติบโตมากถึง 10% โดยมีผู้นำอย่างแบรนด์เรดดี้เป็นผู้ขับเคลื่อนตลาด

ปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียมมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านๆมา คือ 10% และจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว ทำให้คาดการณ์กันว่าภายในอีก 2 ปีนับจากนี้หรือประมาณปี 2562 มูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียมจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท  

จากแนวโน้มของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียมที่ขยายตัวเพิ่มอย่างต่อเนื่องดังกล่าว แบรนด์เรดดี้ จึงอยากตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาด ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็ได้มีการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความทันสมัยเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายหลักที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่

 

 

นายสุรชัย จงเลิศวราวงศ์ ผู้อำนวยการสายงานการตลาด กลุ่มธุรกิจทีซีพี (TCP) หรือกลุ่มบริษัทกระทิงแดง กล่าวว่า ตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานหรือชูกำลังในเซกเมนต์พรีเมี่ยมมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง  ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์ของทั่วโลกที่ผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องดื่มให้กำลังพลังงานและมีสารอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กันไป ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียม ส่งผลให้ปัจจุบันมีหลายแบรนด์สนใจผลิตสินค้าเข้ามาทำตลาด ส่งผลให้ปัจจุบันประเทศไทยเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียมเข้ามาทำตลาดหลายแบรนด์ทั้งของไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ แต่หลังจากเปิดตัวสินค้าเข้ามาทำตลาดไม่ได้มีการทำการตลาดอย่างจริงจัง จึงทำให้ท้ายที่สุดแล้วหลายแบรนด์เริ่มหายไปจากตลาด

สำหรับแผนการทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียมภายใต้แบรนด์เรดดี้ปีนี้ได้มีการใช้งบการตลาดรวมกว่า 100 ล้านบาท  เพื่อทำตลาดสินค้าใหม่ 2 รายการ คือ เรดดี้แบล็ค กลิ่นฮันนี่เลมอน ฝาและฉลากสีดำ สำหรับผู้ชาย และเรดดี้พิงค์ สำหรับผู้หญิง กลิ่นลิ้นจี่เลมอน มีฝาและฉลากสีชมพูซึ่งทั้ง 2 รสชาติเป็นสูตรน้ำตาลน้อย

 

 

นอกจากนี้ ยังได้ดึง 2 คนดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเครื่องดื่มเรดดี้พรีเมียม 2 รสชาติใหม่คือ “กันต์ -กันตถาวร” และ “มาร์กี้-ราศรี บาเลนซิเอก้า” เพื่อต้องการสื่อเข้าตรงถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทำงานออฟฟิศทั้งชายหญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20-35 ปี โดยเนื้อหาของโฆษณาที่ส่งไปถึงผู้บริโภคจะพูดถึงแม้จะทำงานหนักหรือเรียนหนักแค่ไหนก็ยังดูดี โดยสัดส่วนของการทำตลาดสินค้าดังกล่าวจะแบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าผู้ชาย 70% และผู้หญิง 30%

นอกจากนี้ กลยุทธ์ตลาดของเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียมเรดดี้ ยังมีแผนที่จะทำตลาดแบบครบวงจรไม่ว่าจะเป็นสื่อกลางแจ้ง สื่อ  จุดขาย การทำโปรโมชันในร้านค้า หรือการแจกสินค้าตัวอย่างให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิมจำนวน 1 ล้านจุดทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองสินค้าและกลับมาซื้อสินค้า

นายสุรชัย กล่าวต่อว่า เรดดี้ ถือเป็นเครื่องดื่มให้พลังงานพรีเมียมแบรนด์แรกของไทยที่จับกลุ่มเป้าหมาย White Collar หรือกลุ่มพนักงานบริษัทอย่างชัดเจน ด้วยการสร้างจุดเด่นให้ผลิตภัณฑ์ด้วยการใช้ขวดใส เพื่อสร้างความแตกต่างจากเครื่องดื่มชูกำลังทั่วไปที่ใช้ขวดสีชา ซึ่งดีไซน์ดังกล่าวถือว่าเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายหลักที่บริษัทต้องการจะเข้าไปทำตลาด และจากการพัฒนานวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้บริโภค วันนี้บริษัทพร้อมแล้วที่จะแนะนำ 2 เครื่องดื่มใหม่รสชาติใหม่ คือ เรดดี้แบล็ค และเรดดี้พิงค์ให้กับผู้บริโภคได้ทดลองดื่ม

 

ปัจจุบันเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียมแบรนด์เรดดี้มีสินค้าเข้าทำตลาดทั้งหมด 6 รายการ หรือ 6 รสชาติ  ประกอบด้วย เรดดี้ แบลด็ค  ,เรดดี้พิงค์  ,เรดดี้โกจิเบอร์รี่ , เรดดดี้บู้ท ,เรดดี้พล และเรดดี้ซ่าส์ ซึ่งทั้ง 6 รสชาติมีขนาด 150  ซีซี ขายในราคา 15 บาท และเป็นเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์เดียวที่ใช้ขวดใสแก้ว เพื่อภาพลักษณ์สินค้าให้ตรงกับคนรุ่นใหม่ และสร้างความแตกต่างจากเครื่องดื่มชูกำลังในตลาดที่ใช้ขวดแก้วสีชา

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า เครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์เรดดี้  หากนับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ บริษัททำตลาดสินค้าดังกล่าวมานานกว่า 10 ปีแล้ว ถือเป็นแบรนด์เดียวที่มีความเคลื่อนไหวในตลาด และเป็นตัวผลักดันให้ตลาดรวมมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเรดดี้มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า50% เป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียม ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท  

สำหรับยอดขายของเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียมเรดดี้ในสิ้นปี 2560 นี้ กลุ่มบริษัทกระทิงแดงได้วางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ประมาณ 700 ล้านบาท เติบโตจากปี 2559 ที่ประมาณ 10 %  โดยในช่วง7 เดือนที่ผ่านมา เรดดี้  สามารถทำยอดขายได้แล้วประมาณ 450 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมของกลุ่มบริษัทกระทิงแดงมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในด้านของคอร์ปอเรทแชร์อยู่ที่ประมาณ 16.3% จากมูลค่าตลาดรวม 22,000 ล้านบาท  ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนแบ่งการตลาดของแบรนด์กระทิงแดงอยู่ที่ประมาณ 12.6% 

ทั้งนี้  เพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียม กลุ่มบริษัทกระทิงแดง ออกมาประกาศว่านับจากนี้ไปจะเดินหน้าขยายตลาดเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียมเรดดี้ต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ตลาดรวมให้เติบโตไปมากกว่านี้ เนื่องจากเรดดี้จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์สินค้าที่จะผลักดันให้รายได้รวมของกลุ่มทีซีพีมีรายได้สูงถึง 100,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีนับจากนี้ตามที่เคยได้ประกาศไว้ เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งในมูลค่ารายได้ดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นจะแบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนที่ 80% และในประเทศ 20%

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 ก.ย. 2560 เวลา : 21:32:10
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 5:40 pm