น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมบัญชีกลางว่าผลงานที่สำคัญในปีงบประมาณ 2560 ได้แก่ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน – วันที่ 1 ตุลาคม 2560 มีผู้มีสิทธิมารับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว จำนวนกว่า 6 ล้านคน โดยผู้มีสิทธิได้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาใช้สิทธิซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ เป็นจำนวนมาก คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 181 ล้านบาท ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น
อีกทั้งได้ประกาศพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา พร้อมทั้งออกกฎหมายลูกเพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับว่าเป็นกฎหมายฉบับแรกที่ทำให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นอกจากนี้ การดูแลเรื่องสุขภาพของข้าราชการผู้รับบำนาญ และบุคคลในครอบครัว โดยได้ปรับเพิ่มอัตราค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค เพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และปรับเพิ่มการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) หรือเป็นกรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือฉุกเฉินเร่งด่วน ทำให้การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลประจำปีงบประมาณ 2560 มีการเบิกจ่ายรวมทั้งสิ้น 73,658.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,642.46 ล้านบาท (เบิกจ่ายปี 2559 จำนวน 71,016.40 ล้านบาท)
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า สิ่งที่ท้าทายที่สุดในการทำงานของกรมบัญชีกลางนั้น คือการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินให้เป็นไปตามเป้าหมาย ในขณะที่อีกบทบาทหนึ่งต้องควบคุม ตรวจสอบการเบิกจ่ายให้เป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส บางครั้งจึงอาจทำให้การทำงานไม่เป็นไปตามการคาดการณ์ ซึ่งต้องกำกับและติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ทำให้ในปีงบประมาณ 2560 สามารถเบิกจ่ายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายมากที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยเบิกจ่ายภาพรวมได้ 2,586,551 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94.64%
นอกจากด้านการจ่ายเงินแล้ว กรมบัญชีกลางยังดูแลด้านการรับเงินด้วย โดยปีงบประมาณ 2560 มีเงินสดรับเข้าเงินคงคลังผ่านระบบ GFMIS จำนวน 3.09 ล้านล้านบาท เป็นการนำส่งรายได้จำนวน 2.73 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการนำส่งรายได้ของส่วนราชการ รัฐวิสากิจ และเงินนอกงบประมาณที่ฝากเงินไว้จำนวน 3.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ
ข่าวเด่น