กองทุนรวม
บลจ.ทิสโก้เปิดโผ 6 กองทุน LTF-RMF น่าช้อป ชี้แม้ดัชนีหุ้นไทยทะลุ 1,650 แต่เงินยังไหลเข้าซื้อต่อเนื่อง


บลจ.ทิสโก้ชู กองทุน LTF-RMF น่าลงทุน รับเศรษฐกิจไทยและต่างประเทศโต พร้อมกระจายสินทรัพย์เกาะกระแสเมกะเทรนด์โลก ชี้เริ่มเห็นเม็ดเงินทยอยไหลเข้าซื้อสะสมแล้ว 

 

 

 

 

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวสูงขึ้นทะลุ 1,650 จุด แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีอัพไซด์ โดยมองปีหน้าเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเม็ดเงินลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน คาดว่าจะทำให้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังคงมีการเติบโตในระดับที่ดี ภาพการเลือกตั้งจะมีความชัดเจนขึ้น ส่งผลให้ต่างชาติจะมีความมั่นใจต่อตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และมีโอกาสที่จะเห็นเงินลงทุนต่างชาติทยอยไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้น อีกทั้งในช่วงปลายปีจะยังคงเห็นเงินลงทุนเข้ามาซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนยังคงมั่นใจในการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนไทยโดยเฉพาะหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี 

 

ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอทางเลือกการลงทุนที่ดีให้กับลูกค้า บลจ.ทิสโก้ได้เตรียมกองทุน LTF และ RMF คอยให้บริการลูกค้าตามความต้องการที่หลากหลาย โดยในส่วนของกองทุน LTF นำเสนอ 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาว (TISCOLTF) (ความเสี่ยงระดับ 6) และกองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล (TDLTF)(ความเสี่ยงระดับ6) ทั้ง 2 กองทุนเน้นกระจายการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีและมีอัตราการเติบโตของกำไรที่ดีภายใต้นโยบายลงทุนแบบเชิงรุก โดยกองทุน TDLTF จะมีนโยบายจ่ายเงินปันผล เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นได้ และต้องการผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว 

 

สำหรับการลงทุนในกองทุน RMF โดยเฉพาะกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสการลงทุนอีกด้วย 

ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่งปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าหุ้นไทย และยังมีโอกาสรออยู่อีกมากจากปัจจัยเฉพาะของแต่ละประเทศ เช่น ตลาดหุ้นจีน ที่เริ่มมีเสถียรภาพและคาดว่าจะมีเงินลงทุนต่างชาติเข้าไปมากขึ้นเพราะถูกนับเข้าไปอยู่ในดัชนี MSCI เป็นต้น ซึ่งบลจ.ทิสโก้มีกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า H-Shares อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (TCHRMF) (ความเสี่ยงระดับ 6 ) ลงทุนใน ETF หุ้นจีนที่อ้างอิงดัชนี HSCEI ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง รวมไปถึงกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ (TCIRMF) (ความเสี่ยงระดับ 6 ) กระจายการลงทุนใน ETF ที่อิงดัชนีหุ้นจีนและอินเดีย” นายสาห์รัชกล่าว 

 

ในส่วนหุ้นที่อยู่ในกระแสโลกหรือเรียกได้ว่าเป็นเมกะเทรนด์ของโลกอย่างกลุ่มอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์นั้น ทางบลจ.ทิสโก้มีกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล เฮลธ์แคร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (TGHRMF) (ความเสี่ยงระดับ 7 ) เป็นกองทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมและ/หรือ LTF ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ทั่วโลก ส่วนมุมมองเศรษฐกิจไทยนั้น ทิสโก้มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะเติบโตได้ 3.6% ขณะที่ปี 2561 จะเติบโตได้ 3.8% จากการบริโภคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น ซึ่งบลจ.ทิสโก้มีกองทุน ทิสโก้หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (TEGRMF) (ความเสี่ยงระดับ 6 ) ลงทุนในหุ้นไทยโดยกระจายการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีใช้นโยบายการลงทุนแบบเชิงรุกไว้ให้นักลงทุนเลือกลงทุนด้วย 

 

 

ทั้งนี้ กองทุน TCHRMF, TCIRMF และ TGHRMF เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศจึงอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม  ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุนรวมLTF/RMF และควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน ติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือTISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ต.ค. 2560 เวลา : 16:00:59
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 3:30 am