ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ที่องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ประกาศปักธงแดงให้กับประเทศไทย ทำให้ธุรกิจการบินของไทยได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่ในที่สุด ICAO ก็ได้ประกาศปลดธงแดงให้กับไทยในวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา
ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และคณะร่วมกันแถลงข่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันเกียรติยศ ที่อยากจะอ่านแถลงการณ์นี้ด้วยตัวเอง ในโอกาสที่ไอเคโอ ถอดรายชื่อประเทศไทยออกจากประเทศที่มีความเสี่ยงทางด้านการบิน หลังจากที่เราถูกปักธงแดงมาตั้งแต่แต่ปี 2558 และมีประเด็นที่ต้องแก้ไข 33 ข้อ ซึ่งบ่งบอกให้เห็นว่าไทยไม่มีการกำกับดูแลเรื่องนี้อย่างเพียงพอภายใต้มาตรฐานของไอเคโอ ซึ่งรัฐบาลนี้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นเป็นวาระสำคัญ โดยปัญหาทั้งหมด เป็นปัญหาที่สะสมมานาน รัฐบาลต้องแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน บางอย่างต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน และต้องดำเนินการตามที่ได้ลงนามไว้กับไอเคโอ จนกระทั่งได้มีมติปลดธงแดงให้กับไทยตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2560
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในสายการบินของไทยทำได้ดีขึ้น นี่คือสิ่งที่เราพูดไว้ว่าจะเป็นฮับของภูมิภาค จึงต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ และขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแน่นอนผลงานของรัฐบาลาก็จะทยอยออกมาเป็นลำดับ จะมีทั้งคนได้และเสียผลประโยชน์ แต่เรื่องนี้ถือว่าไทยได้ประโยชน์ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้ทำให้สายการบินกลับสู่มาตรฐานแล้ว 18 สายการบิน และคงเหลืออีก 10 สายการบิน ที่จะดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองสถานการณ์การบินของไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 60 หลัง ICAO ปลดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทย โดยเชื่อว่าอุตสาหกรรมการบินจะเติบโตอย่างคึกคักขึ้นและจะต่อเนื่องไปยังปี 61 ที่ธุรกิจการบินของไทยเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ โดยคาดว่า ธุรกิจสายการบินของไทยในปี 60 จะมีรายได้ประมาณ 278,900 ล้านบาท และน่าจะแตะ 294,500 ล้านบาทในปี 61 มากกว่ากรณีที่ ICAO ยังคงติดธงแดง
"การปลดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทย ไม่เพียงแต่จะส่งผลบวกต่อธุรกิจสายการบินเท่านั้น แต่ยังจะเป็นส่วนสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมการบินโดยรวมของไทย ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างเมืองการบินที่จะใช้เป็นแกนหลักเพื่อดึงดูดการลงทุนและนวัตกรรมจากต่างชาติ อันจะปฏิรูปภาคการผลิตไทยไปสู่ยุคดิจิทัลเทคโนโลยี นำมาซึ่งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และมีมูลค่าอีกมหาศาลที่ยากจะประเมินได้"
นอกจากนี้การปลดล็อกธงแดงของ ICAO น่าจะทำให้ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมถึง FAA ยกเลิกการตั้งข้อจำกัดทางการบินที่มีต่อสายการบินของไทย ส่งผลให้สถานการณ์การบินของไทยเติบโตคึกคักยิ่งขึ้น และเป็นแรงขับเคลื่อนความเชื่อมั่นต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมการบินของไทย อีกทั้งสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางทางการบินภูมิภาคของไทยให้บรรลุเป้าหมาย กระทั่งก่อให้เกิดรากฐานสำคัญในการพัฒนาอู่ตะเภา Aerotropolis ที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าให้เป็นกลไกสำคัญในการผลักดัน EEC และเศรษฐกิจของประเทศในระยะข้างหน้า
นายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนิวเจน เปิดเผยว่า หลังไอเคโอ ปลดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทยออก ถือเป็นข่าวดีของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย เพราะจะทำให้ผู้ให้บริการสายการบินต่างๆ เดินหน้าขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีข้อกังวลใดๆ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์การให้บริการของประเทศไทยที่ได้มาตรฐานระดับสากล และจะสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารที่จะเดินทางมาประเทศไทย โดยในส่วนของสายการบินนิวเจนนั้น มีแผนขยายเส้นทางการบินควบคู่กันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยภายในปี 61 จะเปิดให้บริการเส้นทางใหม่ 3 จุดบิน ได้แก่ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และอินเดีย
ข่าวเด่น