แม้ว่าแนวโน้มของธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ในปีนี้จะยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปีนี้ถือว่ามีอัตราการเติบโตลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ถึงแม้ว่าจะเติบโตลดลง หากนำมาเทียบกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ก็ยังถือว่ามีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง เนื่องจากบางธุรกิจมีการขยายตัวติดลบและบางธุรกิจมีอัตราการเติบโตเพียงตัวเลข 1 หลักเท่านั้น แต่สำหรับธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ยังสามารถเติบโตได้ในตัวเลข 2 หลัก
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ “โอ ช้อปปิ้ง” ต้องออกมายอมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการออกมาประกาศปรับเป้าหมายอัตราการเติบโตของรายได้จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ที่ประมาณ 20% ปรับลดลงเหลืออยู่ที่ประมาณ 10% ให้สอดคล้องกับภาพรวมตลาด โดยเฉพาะในตลาดโฮมช้อปปิ้ง ซึ่งปีนี้คาดการณ์กันว่าจะมีอัตราการเติบโตเพียง 10% เท่านั้น
นายซอง นัก เจ ประธานบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง จำกัด ผู้บริหารช่อง “โอ ช้อปปิ้ง” กล่าวว่า จากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี 2560 นี้ ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในปีนี้ยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากผู้บริโภคยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ด้วยการหันมาซื้อสินค้าที่มีความจำเป็นเท่านั้น ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเพียง 10% เท่านั้น
อย่างไรก็ดี เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบวกมากระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับเป้ารายได้ใหม่ จากเดิมที่วางไว้ว่าสิ้นปี 2560 นี้จะมีรายได้เติบโตที่ประมาณ 20% ปรับเป้าหมายการเติบโตลดลงเหลือที่ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,700 ล้านบาท
นายซอง กล่าวต่อว่า เป้าหมายอัตราการเติบโตดังกล่าวถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด ซึ่งปีนี้คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดโฮมช้อปปิ้งน่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 10% จากปี 2559 ที่มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 10,600 ล้านบาท หรือน่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 10,660 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้กระทะโคเรียคิงส์หยุดทำตลาดไป จึงทำให้ภาพรวมตลาดหายไปประมาณ 1,000 ล้านบาท
สำหรับสินค้าที่มียอดขายลดลงในช่วง 9 เดือน ที่ผ่านมา คือ 1.เฮลธ์ แอนด์ สปอร์ต เนื่องจากสถานการณ์ยังอยู่ในช่วงไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 2.มือถือ เนื่องจากกลุ่มสมาร์ทโฟนราคาถูกมีการปรับกลยุทธ์การตลาดไปสู่สมาร์ทโฟนระดับแบรนด์ชั้นนำมากขึ้น ส่วนกลุ่มสินค้าที่ยังเติบโต ได้แก่ คอสเมติก, ชุดชั้นใน, สินค้าตกแต่งบ้าน และเสื้อผ้า
ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจของโอ ช้อปปิ้งในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ โอ ช้อปปิ้ง มีแผนที่จะปรับกลยุทธ์การทำตลาด ด้วยการนำสินค้าขายดีตลอดปีที่ผ่านมานำมาจัดเป็นแพค เพื่อขายให้กับลูกค้าในราคาที่คุ้มค่า ขณะเดียวกันก็มีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 รายการ จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 3,000 รายการ เพื่อกระตุ้นความสนใจให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและผลักดันให้สิ้นปีมียอดขายเติบโตตรงตามเป้าหมายที่วางไว้
นายซอง กล่าวอีกว่า ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจโฮมช้อปปิ้งในปีนี้ แม้ว่าตลาดจะเติบโตลดลง แต่ภาพรวมการแข่งขันยังคงมีความรุนแรง เนื่องจากมีแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างน้อย 1 แบรนด์ รวมถึงแบรนด์เดิมอย่าง โคเรีย คิงส์ จะกลับเข้ามาทำตลาดอีกครั้ง ส่งผลให้บริษัทต้องเตรียมแผนรับมือการแข่งขัน ไว้อย่างแข็งแกร่งไม่ว่าจะเป็นการวางระบบออนไลน์ใหม่ภายใต้งบลงทุน 50 ล้านบาท เพื่อรองรับกำลังซื้อบนโลกออนไลน์
สำหรับรูปแบบการของการทำตลาดออนไลน์นั้นจะมีการเพิ่มคอนเทนท์ในสื่อออนไลน์มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 10% เพิ่มเป็น 25% ซึ่งเดิมทีเนื้อหาของคอนเทนท์จะเน้นสื่อทีวีเป็นหลักมากถึง 90% ทั้งนี้ ก็เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เสพติดสื่อออนไลน์ที่ส่วนใหญ่จะชอบความกระชับ ซึ่งในส่วนของคอนเทนต์ที่จะนำมาพัฒนาจะเป็นการใช้โปรแกรมฐานข้อมูลเข้ามาช่วยวิเคราะห์ เพื่อให้คอนเทนต์ที่ส่งไปยังผู้บริโภคเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม
ปัจจัยที่ทำให้ โอ ช้อปปิ้ง ต้องหันมาให้ความสำคัญกับสื่ออนไลน์มากขึ้นนั้น เพราะวันนี้ทีวีอาจไม่ได้เป็นจอแรก (First Screen) สำหรับใครหลายๆ คนอีกต่อไปแล้ว เห็นได้จากการมีโทรศัพท์มือถือไว้ครอบครองในปัจจุบัน ซึ่งบางคนมีมากกว่า 2 เครื่อง ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันจะอยู่บนโลกออนไลน์เป็นหลัก ดังนั้น จึงถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของ โอ ช้อปปิ้ง ที่จะทำอย่างไรให้กลุ่มเป้าหมายหันมาชมคอนเทนท์ของโอ ช้อปปิ้ง มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะลงทุนสร้างสตูดิโอใหม่ ภายใต้งบลงทุนเบื้องต้นที่ประมาณ 100 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ยังมีแผนที่จะเดินหน้าสร้างแบรนด์ โอ ช้อปปิ้ง ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ด้วยการใช้กลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งเป็นตัวช่วยในการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย หลังจากก่อนหน้านี้ ได้เข้าไปสนับสนุนกีฬาเทควันโดมาแล้ว เมื่อ 5 ปีก่อน โดยการเข้าไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม (ซีเอสอาร์) ด้วยการนำของไปแจกให้กับเด็กและเยาวชน ควบคู่ไปกับการนำกีฬาเทควันโดไปสอนเด็กๆที่ รร.บ้านปางแดง จ.เชียงใหม่ และล่าสุดได้นำผลผลิตจากโครงการดังกล่าวซึ่งเป็นนักกีฬาเยาวชน 6 คน เดินทางไปให้กำลังใจจอมเตะทีมชาติไทย ในซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย
นอกจากจะสนับสนุนเยาวชนอย่างต่อเนื่องแล้ว โอ ช้อปปิ้ง ยังจะเพิ่มการสนับสนุนให้เป็นทางการมากขึ้น โดยการเข้าไปพูดคุยกับบริษัทแม่ที่ประเทศเกาหลีใต้ และบริษัทในเครือซีเจ ที่อยู่ในไทยทั้งหมด เพื่อจะเข้าไปสนับสนุนสมาคมกีฬาเทควันโด อย่างจริงจัง ซึ่งตอนนี้การพูดคุยเป็นในแง่บวก คาดว่าภายในปีหน้าจะสามารถเข้าไปสนับสนุนได้ ซึ่งหลังจากปรับกลยุทธ์การตลาดดังกล่าว โอ ช้อปปิ้ง มั่นใจว่าสิ้นปี 2561 จะกลับมามีรายได้เติบโตที่ 15-20% ได้อย่างแน่นอน
ข่าวเด่น