นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยแผนการดำเนินงานภายหลังเข้ารับตำแหน่งเป็นครั้งแรกว่า จะสานต่อนโยบายหลักต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้สนับสนุนเข้าสู่อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ ที่คาดว่าในอนาคตจะมีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามาจำนวนมาก การเน้นเรื่องการพัฒนาคน รวมถึงให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมกับผู้ประกอบการเดิมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี งานวิจัย การยกระดับภาคเกษตร
ส่วนมาตรการใหม่ จะเดินหน้ากระตุ้นอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น เช่น ระบบอัตโนมัติ รวมถึงการส่งเสริมเอสเอ็มอี การอำนวยความสะดวกการลงทุนไทยในต่างประเทศ โดยจะเน้นปรับปรุงบริการที่มีอยู่ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันบีโอไอจะส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำ 3 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ ประเทศเมียนมา เวียดนามและอินโดนีเซีย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในประเทศนั้นๆ
นอกจากนี้ บีโอไออยู่ระหว่างทบทวนมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ที่จะหมดอายุยื่นคำขอในปลายปีนี้ โดยในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 ถึงกันยายน 2560 มีนักลงทุนยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี 1,561 โครงการ มูลค่า 1.1 ล้านล้านบาท
สำหรับเป้าหมายการลงทุนปีนี้(60) บีโอไอยังตั้งเป้าไว้ที่ 6 แสนล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือได้พยายามกระตุ้นการลงทุนให้มากขึ้น และมีแผนจะโรดโชว์ไปต่างประเทศ เช่น ในตลาดญี่ปุ่น เกาหลี จีน และไต้หวัน ที่มีความสนใจลงทุนไทยต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศอันดับ 1 ยังคงเป็นญี่ปุ่น
ส่วนความคืบหน้าหลังมี พ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่มีผลบังคับใช้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งให้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดไม่เกิน 15 ปี เน้นส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ พร้อมสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ล่าสุดมีอุตสาหกรรมเป้าหมายสนใจเข้ามาหารือกับบีโอไอแล้ว เพื่อรอรับส่งเสริมการลงทุนภายใต้กองทุนเพิ่มขีดความสามารถฯ 4 - 5 ราย โดยบีโอไออยู่ระหว่างการตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาสรรหาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เหมาะสมตามเกณฑ์ เพื่อรับการส่งเสริมต่อไป
ข่าวเด่น