นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลจากการประชุม สภาผู้ว่าการธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปี 2560 นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมประจำปีเมื่อวันที่ 12 – 14 ตุลาคม 2560 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีประชุมสมาชิก 189 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม
นายสุวิชญ กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกขึ้นจาก 3.2% ในปี 2559 มาอยู่ที่ 3.6% ในปี 2560 และเพิ่มเป็น 3.7% ในปี 2561 ซึ่งสะท้อนภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจากการเติบโตของการลงทุน การค้าระหว่างประเทศ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนไทยไอเอ็มเอฟปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ขึ้นจาก 3.2% เป็น 3.7% และได้เพิ่มประมาณการสำหรับปี 2561 จาก 3.3% เป็น 3.5%
“เวิลด์แบงก์-ไอเอ็มเอฟเรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศสมาชิกเร่งปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และกฎระเบียบภายในประเทศ เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและทั่วถึง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้ว่าการธนาคารโลกของไทยนำเสนอถ้อยแถลงถึงภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของไทย ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงมาตรการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของไทยผ่านระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ยังได้ให้ความมั่นใจว่าประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนและร่วมมือกับทั้ง 2 องค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน”นายสุวิชญ กล่าว
ส่วนการประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าการของประเทศสมาชิกกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เวิลด์แบงก์และไอเอ็มเอฟ ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของกลุ่มออกเสียง ในรอบปีที่ผ่านมาและแนวทาง การดำเนินงานที่สำคัญในอนาคต พร้อมยืนยันสนับสนุนแผนการเพิ่มทุนของเวิลด์แบงก์ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อน การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากเวิลด์แบงก์ และไอเอ็มเอฟเกี่ยวกับบทบาทของนวัตกรรมทางการเงินในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการเงินของผู้มีรายได้น้อย ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านการจ่ายเงิน การโอนเงิน การออมเงิน การขอสินเชื่อ และการบริหารความเสี่ยง ประกอบกับนวัตกรรมทางการเงินสามารถช่วยลดต้นทุนการทำธุรกรรมสำหรับผู้มีรายได้น้อยได้ และเพิ่มความสะดวก ความรวดเร็ว และความปลอดภัยในการทำธุรกรรม พร้อมทั้งช่วยลดต้นทุนการให้บริการทางการเงิน และเพิ่มฐานข้อมูลแก่ผู้ประกอบการอีกด้วย
สำหรับการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของเวิลด์แบงก์ครั้งที่ 96 เป็นการประชุมของผู้ว่าการธนาคารโลกที่เป็นผู้แทนจากกลุ่มออกเสียงของประเทศสมาชิกจำนวน 25 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะแนวนโยบายต่อผู้บริหารธนาคารโลก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนและเกิดการพัฒนาในประเทศสมาชิก โดยครั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทยในฐานะผู้แทนของกลุ่มออกเสียง สมาชิกกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เวิลด์แบงก์และไอเอ็มเอฟ กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. ความสำคัญของการพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างแท้จริง เพราะการศึกษานอกจากจะช่วยบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมได้แล้ว คุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ที่สูงขึ้นยังเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน 2. การส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการลงทุนเพื่อการพัฒนา โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนความเชื่อมโยงในภูมิภาค 3. ได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกเร่งหาข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางเพิ่มทุนของธนาคารโลกให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2561 เพื่อให้ธนาคารโลกมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งในการดำเนินการตามพันธกิจได้ และ 4. กระตุ้นให้ธนาคารโลกเป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการสนับสนุนประเทศสมาชิกทั้งในด้านเงินทุนและความช่วยเหลือทางวิชาการ
นายสุวิชญ กล่าวว่า ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้หารือทวิภาคีกับกับผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินต่างประเทศ อาทิ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น ธนาคารมิซูโฮ จำกัด เป็นต้น โดยสถาบันการเงินต่างประเทศเล็งเห็นถึงความสำคัญของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคและอาเซียน ประกอบกับมีระบบการเงินและตลาดทุนที่แข็งแกร่ง และได้แสดงความสนใจในการสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของไทย (อีอีซี)
ข่าวเด่น