ธุรกิจโรงพยาบาลถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคให้ความใส่ใจในการรักษาพยาบาลมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันโรงพยาบาลแต่ละแห่งไม่ได้มุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าแค่ในประเทศเท่านั้น แต่ขยายฐานลูกค้าไปในตลาดต่างประเทศด้วย
ด้วยเหตุนี้แต่ละโรงพยาบาลจึงต้องพัฒนาบริการรอบด้านไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ เครื่องมือในการรักษา บริการ และบรรยากาศภายในโรงพยาบาล ยิ่งถ้าได้มาตรการด้านสถานประกอบการที่ได้มาตรฐานระดับสากลยิ่งทำให้ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น และจากปัจจัยนี้ จึงทำให้โรงพยาบาลพญาไท 2 ต้องออกมาชูมาตรฐานที่ได้รับจาก JCI (Joint Commission International Accreditation) ฉบับที่ 6 จากสถาบัน JCI ในสหรัฐอเมริกา มาเป็นเครื่องการันตีความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์ หรือ Center of Excellence เพื่อยกระดับโรงพยาบาล
นพ.อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 2 กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของโรงพยาบาลพญาไท 2 นับจากนี้ นอกจากจะให้ความสำคัญในด้านทางการแพทย์แล้ว ยังจะให้ความสำคัญในด้านของการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถและเชี่ยวชาญมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยเมื่อเข้ามาใช้บริการภายในโรงพยาบาล ซึ่งล่าสุดทางโรงพยาบาลได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI (Joint Commission International Accreditation) ฉบับที่ 6 จากสถาบัน JCI สหรัฐอเมริกา ว่า เป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลที่มีความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์ หรือ Center of Excellence
จากมาตรฐานทางการแพทย์ที่ได้รับดังกล่าว ทำให้โรงพยาบาลพญาไท 2 วางเป้าหมายในปี 2563 ไว้ว่าจะต้องเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศทางการแพทย์ที่ครบวงจรให้ได้ ด้วยการมีบริการที่ทัดเทียมกับโรงพยาบาลในยุโรปและสหรัฐอเมริกา และสถานพยาบาลนานาชาติทั่วโลกใน 4 ศูนย์ ได้แก่ 1.ศูนย์ให้บริการทางด้านชีวอนามัย 2.ศูนย์บริการทางด้านสมอง 3.ศูนย์บริการทางด้านหัวใจ และ 4.ศูนย์บริการทางด้านอุบัติเหตุ โดยขณะนี้ได้เตรียมที่จะเพิ่มศูนย์บริการทางด้านโรคมะเร็ง เพื่อรองรับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่จะเข้ามาใช้บริการ
นพ.อนันตศักดิ์ กล่าวต่อว่า การยกระดับมาตฐานการบริการของโรงพยาบาลพญาไท 2 ในครั้งนี้ นอกจากจะเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ป่วยที่จะเข้ามาใช้บริการแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพด้านคุณภาพความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย ซึ่งสิ่งดังกล่าวจะพาให้โรงพยาบาลพญาไท 2 ก้าวไปสู่การเป็นผู้นำด้านบริการสุขภาพของโรงพยาบาลในเวทีโลก เพราะนอกจากทางโรงพยาบาลจะรับมาตรฐานในด้านของบริการแล้วยังได้รับมาตรฐานการดูแลรักษาพยาบาลรายโรค CCPC (Clinical Care Program)จำนวน 2 โรค คือ โรคหลอดเลือดสมองตีบอุดตันเฉียบพลัน และการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ขณะที่ปี 2561 คาดว่าจะได้ใบรับรองด้านศัลยกรรมกระดูกและทางด้านเด็กเข้ามาเพิ่มเติม
สำหรับแผนการลงทุนภายในโรงพยาบาลระยะยาวนับตั้งแต่ปี 2559-2563 ทางโรงพยาบาลมีแผนที่จะใช้งบประมาณ 600 ล้านบาท ลงทุนพัฒนาโรงพยาบาลในด้านต่างๆ แบ่งออกเป็นพัฒนาทางด้านอาคาร 50% พัฒนาทางด้านเครื่องมือแพทย์ 30% และพัฒนาบุคลากร 20% เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่จะเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยจากต่างประเทศ ซึ่งทางโรงพยาบาลมีแผนที่จะขยายฐานให้เพิ่มขึ้นเป็น 30% ในอีก 2-3 ปีนับจากนี้ จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 15%
ทั้งนี้ ข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ปี 2559 พบว่าชาวต่างชาติเดินทางมาใช้บริการการแพทย์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เป็นกลุ่มผู้ป่วยในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศเมียนมาและบังกลาเทศ ที่เติบโตมากกว่า 70% หรือเฉลี่ยมาจาก 2 ประเทศนี้ จากปีก่อนที่รายได้มาจาก 2 ประเทศนี้ประมาณ 60-70 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ป่วยจากประเทศจีนที่นิยมเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามาปรึกษาด้านภาวะการมีบุตรยาก
จากโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว ทำให้โรงพยาบาลพญาไท 2 เดินสายโรดโชว์ไปยังประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559 ที่ผ่านมา เช่น การไปโรดโชว์ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และการจัดสัมมนาทางการแพทย์ ด้วยการเชิญผู้สนใจทั้งแพทย์ พยาบาล และบุคคลทั่วไป เช่น ที่กัมพูชา เมียนมา และบังกลาเทศ เข้ามาร่วมงาน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและทำการประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงบริการที่โรงพยาบาลพญาไทมี ซึ่งหลังจากเดินหน้าทำการตลาดในรูปแบบดังกล่าวส่งผลให้ปีนี้โรงพยาบาลพญาไท 2 มีอัตราการเติบโตของกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น 17%
ปัจจุบันโรงพยาบาลพญาไท 2 มีกลุ่มผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการเป็นชาวต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 15% อีก 85% เป็นกลุ่มผู้ป่วยคนไทย และจากแนวทางที่จะเพิ่มสัดส่วนผู้ป่วยชาวต่างชาติเพิ่มเป็น 30% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทำให้โรงพยาบาลพญาไท 2 ต้องเร่งทำการตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มประเทศที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ ซีแอลเอ็มวี เนื่องจากเป็นประเทศที่อยู่ติดกับประเทศไทย และบริการทางการแพทย์ของไทยมีการพัฒนาที่ดีกว่า
นพ.อนันตศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากเดินหน้าพัฒนาโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปี 2560 นี้โรงพยาบาลพญาไท 2 น่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6% ต่ำกว่าเป้าเดิมที่วางไว้เล็กน้อย เนื่องจากต้นปีคาดว่าจะมีรายได้เติบโตที่ 10% แต่เนื่องจากปีนี้ภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างซบเซา ประกอบกับปีนี้ไม่มีภาวะโรคระบาดเหมือนกับปีที่ผ่านมา เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้เลือดออก จึงทำให้รายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เล็กน้อย
การออกมาปรับตัวของโรงพยาบาลพญาไท 2 ในครั้งนี้ นอกจากช่วยขยายฐานผู้ป่วยให้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการรองรับการแข่งขันที่มีความรุนแรง เพราะปัจจุบันแต่ละโรงพยาบาลมุ่งเน้นทางด้านบริการทางการแพทย์เป็นอย่างมาก ซึ่งหากมองไปที่ฝั่งของผู้ป่วยแล้ว การพิจารณาเลือกใช้บริการโรงพยาบาลนอกจากจะเป็นในด้านของการบริการทางการแพทย์แล้ว ราคาที่มีความเหมาะสมก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ข่าวเด่น