จากสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจในการทำตลาดกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็นแต่ละรายการยอดขายตกไปตามๆกันไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ พัดลม พัดลมไอเย็น พัดลมไอน้ำ หรือตู้เย็น แต่ที่เห็นจะยอดขายติดลบหนักมากที่สุดก็น่าจะเป็นกลุ่มสินค้าเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากปีนี้มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นผีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงเดือนเม.ย. ซึ่งถือเป็นช่วงหน้าขาย ก็มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ยอดขายของแต่ละแบรนด์ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ ยังเจอปัจจัยลบในด้านของเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว จึงทำให้ยอดขายยิ่งปรับตัวลดลง แม้ว่าจะมีการทำโปรโมชั่นกันอย่างหนักหน่วง แต่ก็ไม่สามารถกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว สอดคล้องกับความคิดเห็นของ นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน)ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย พร้อมให้เช่าพัดลมไอน้ำและไอเย็น ที่ออกมาเปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็นในปีนี้มีการเติบโตลดลงจากปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ และสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการทำตลาด
สำหรับภาพรวมตลาดพัดลมไอน้ำและไอเย็นในปีนี้มีอัตราการเติบโตลดลงเหมือนกับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็นอื่นๆ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจต่อการทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็น ส่วนเติบโตลดลงเท่าไหร่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมตัวเลข แต่คาดว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็นอย่างแน่นอน
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกจากจะได้รับผลกระทบในด้านของปัจจัยสภาพอากาศแล้ว ตลาดพัดลมไอน้ำและไอเย็น ยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจอีกด้วย เห็นได้จากการที่ผู้บริโภคมีการระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จะซื้อสินค้าเฉพาะเมื่อมีความต้องการหรืออยากซื้อเท่านั้น ทำให้การทำโปรโมชั่นในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ผลการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคมากนักเนื่องจากพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคในตอนนี้มีความแตกต่างไปจากเดิมค่อนข้างมาก เวลาจะซื้อสินค้าแต่ละชิ้นต้องอยากซื้อเท่านั้น คือ เลือกซื้อตามความรู้สึกเป็นหลัก แม้ว่าช่วงนั้นจะมีการทำโปรโมชั่นลดราคา แต่ถ้าไม่อยากซื้อลูกค้าก็จะไม่ซื้อ ทำให้การทำตลาดตอนนี้ค่อนข้างยาก
นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้า เพาเวอร์มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ตลาดเครื่องปรับอากาศในสิ้นปีนี้คาดว่าจะติดลบประมาณ 15% เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่ได้ร้อนนานมาก ฝนตกบ่อย นอกจากนี้ สภาพเศรษฐกิจยังไม่เอื้อ จึงทำให้ยอดขายเครื่องปรับอากาศปีนี้ติดลบค่อนข้างสูง
นายสมศักดิ์ รัมมณีย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคเรียร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศสิ้นปี 2560 คาดว่าจะติดลบประมาณ 9% หรือมีมูลค่าประมาณ 27,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2559 ที่มีมูลค่า 30,000 ล้านบาท เนื่องจากภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศบ้าน ติดลบสูงถึง15% เพราะสภาพอากาศไม่เอื้อต่อการทำตลาด ขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็อยู่ในภาวะชะลอตัวจึงทำให้ภาพรวมตลาดปีนี้ติดลบต่ำสุดในรอบมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หากแยกระหว่างตลาดเครื่องปรับอากาศบ้านกับเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ปีนี้ตลาดเครื่องปรับอากาศบ้านถือว่าติดลบค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ที่ยังขยายตัวดี เติบโตอยู่ที่ 4% แต่การเติบโตดังกล่าวก็ไม่สามารถกระตุ้นให้ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศโตได้เนื่องจากสัดส่วนยอดขายเครื่องปรับอากาศบ้านมีมากถึง 20,000 ล้านบาท ส่วนเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์มี 10,000 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนของยอดขายเครื่องปรับอากาศของ “แคเรียร์” ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี เนื่องจากมีการออกสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดมากกว่าปี 2559 ถึง 8 รุ่น นอกจากนี้ ยังมีการขยายช่องทางขายเพิ่มจากปัจจุบันขายผ่านตัวแทนจำหน่ายประมาณ 200 ราย สัดส่วน 80% และขายในห้างสรรพสินค้า 20% และการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เปลี่ยนรูปแบบการโฆษณาที่เน้นออนไลน์มากขึ้น ทำให้คาดว่าปีนี้จะมียอดขายรวม 4,800 ล้านบาทเติบโต 7%
ด้านนายธันยวัฒน์ จิตติพลังศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวติดลบไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งจากการได้คุยกับทีมขายของบริษัทบอกว่าปีนี้ติดลบค่อนข้างแรง และติดลบมากที่สุดในรอบ 15-20 ปีเนื่องจากเจอปัจจัยลบหลายด้านไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว หรือสภาพอากาศที่ไม่เอื้อต่อการทำตลาด เพราะมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ จึงทำให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอย
สำหรับภาพรวมยอดขายเครื่องปรับอากาศของ ซัยโจเด็นกิ เองก็มียอดขายปรับตัวลดลงเช่นกัน แต่เนื่องจากมีการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับมีการปรับแผนธุรกิจ ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น จึงทำให้สามารถประคองรายได้ให้เติบโตเป็นบวกได้ ซึ่งภูมิภาคที่ให้ความสำคัญในการเข้าไปทำตลาดส่งออกมากที่สุด คือ ยุโรป เนื่องจากเครื่องปรับอากาศของ ซัยโจเด็นกิ เน้นขายสินค้าที่นวัตกรรมใหม่ๆ จึงทำให้ยุโรปถือเป็นตลาดที่เหมาะสมที่สุด
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ได้เปิดตัว คือ อินเวอร์เตอร์ ชัวร์ (Inverter Sure) ซึ่งเป็นเครื่องปรับอากาศนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ลดค่าไฟเครื่องปรับอากาศได้ถึง 50% คุ้มทุนค่าประหยัดไฟในเวลาเพียง 2 ปี พร้อมระบบฟอกอากาศ Turbo APS มีเทคโนโลยีฟอกอากาศด้วยโอโซนบริสุทธิ์ที่ปลอดภัยด้วยมาตรฐานIEC335-2-40 และเป็นรายเดียวที่กล้ารับประกันคอมเพรสเซอร์และอุปกรณ์ทุกชิ้น 5 ปีเต็ม
หลังจากเปิดตัวสินค้าดังกล่าวเข้าไปทำตลาด ธันยวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากนำสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดพบว่า ลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี จึงทำให้มั่นใจว่าการนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาทำตลาดโดยเฉพาะตัวน้ำยา R32 ให้ประหยัดไฟมากขึ้นถึง 12.24% ซึ่งเครื่องปรับอากาศกินไฟเฉลี่ย60-70%
แม้ว่าปีนี้แต่ละค่ายที่ทำธุรกิจจะไม่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความย่อท้อ ทุกค่ายเตรียมตัวเพื่อรุกหนักในปี 2561 โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน ซึ่งถือเป็นช่วงหน้าขายสินค้า
ข่าวเด่น