บล.โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยขานรับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน หลังกลุ่มโอเปกส่งสัญญาณลดกำลังผลิตยาวถึงปีหน้า หนุนดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,670 – 1,720 จุด แนะสะสมหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า TPIPP - BPP อานิสงส์กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และกลุ่มท่องเที่ยว CENTEL - ERW จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ด้านราคาทองคำ แนะนำให้ผู้ลงทุนจับจังหวะ trading ในช่วงระหว่างกรอบรับหลักที่ 1,240–1,260 ดอลลาร์ กับแนวต้านจิตวิทยา 1,300 ดอลลาร์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันยืนที่ระดับสูงจากการคาดการณ์แนวโน้มกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก) สนับสนุนขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีกจนถึงสิ้นปีหน้า และสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ลดลง
รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปีที่ปรับดีขึ้น โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยในเดือนต.ค.60 ว่าขยายตัว 4.5-5.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนภาวะการส่งออกในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวดี ส่งผลให้ธปท.เตรียมทบทวนประมาณการGDP ทั้งปีเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้
ส่วนปัจจัยที่มีผลลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้มาจาก Fund Flow ผันผวนมีทั้ง Net Buy และ Net Sell สลับกัน ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติ Net Sell เกือบ 6.9 พันล้านบาท และการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะเริ่มทยอยปรับลดงบดุล 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนจากระดับปัจจุบัน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในการประชุมรอบนี้
โดยยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 1 พ. ย. จีนจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน ต.ค.สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) (เช้าวันที่ 2 พ.ย.) เปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. รวมถึงวันที่ 2 พ.ย. อียูจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค. ส่วนธนาคารกลางอังกฤษมีกำหนดประชุมนโยบายการเงิน และในวันที่ 3 พ.ย. คาดปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยชื่อประธานเฟดคนใหม่ สหรัฐฯจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และจีนจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค.
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยืนในระดับสูง และภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงปลายปีที่ปรับดีขึ้น อย่างไรก็ดี คาดการณ์เกี่ยวกับการทยอยปรับลดงบดุลของเฟดและ Fund Flow ที่ผันผวนเป็นปัจจัยกดดันดัชนีในสัปดาห์นี้ ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,670 – 1,720 จุด
ทั้งนี้ แนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่ TPIPP และ BPP ที่มีประเด็นบวกจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังหนุนผลประกอบการเติบโต และกลุ่มท่องเที่ยว แนะนำ CENTEL และ ERW ที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นลูกค้าหลัก
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า จากการที่ญี่ปุ่นได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพมากขึ้น BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม และ BOE เริ่มกลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง หลังจากคงไว้ที่ระดับต่ำสุดมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ส่วนระดับดอกเบี้ยของ Fed ตลาดคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากจะมีการประกาศผู้เข้ารับตำแหน่งประธาน Fed ต่อจากเจเน็ต เยลเลน ในช่วงวันที่ 1 – 3 พ.ย. ซึ่งไม่ว่าจะได้ใครมารับช่วงต่อ ทิศทางนโยบายจะยังคงเดิม ทั้งอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นและปรับลดขนาดงบดุล ต่างกันเพียงความถี่ในการปรับขึ้นว่าเร็วช้ากว่ากันแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตลาดจับตาก็คือ ผู้ถูกเสนอชื่อแต่ละคนมีมุมมองอย่างไรต่อการผ่อนคลายมาตรการที่เกี่ยวข้องกับตลาดเงินตลาดทุน ดังนั้น หากประธานเฟดคนใหม่เป็นนายเจอโรม พาวเวลล์ อาจส่งผลดีต่อราคาทองคำในฐานะที่เป็นแหล่งพักของเงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้น ซึ่งเหมาะแก่การซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แต่ถ้าเป็นคนอื่น ควรรอให้เห็นจุดจบของราคาทองขาลงก่อนจะเข้าซื้อเพื่อเล่นรอบ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กจึงคงคำแนะนำให้ผู้ลงทุนจับจังหวะ trading ในช่วงระหว่างกรอบรับหลักที่ 1,240–1,260 ดอลลาร์ กับแนวต้านจิตวิทยา 1,300 ดอลลาร์
ข่าวเด่น