เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
"ช้อปช่วยชาติ" ความจำเป็นต่อเศรษฐกิจไทย


ในที่สุดรัฐบาลก็ไฟเขียวมาตรการช้อปช่วยชาติติดต่อกันเป็นปีที่ท่ามกลางเสียงที่สนับสนุนและคัดค้าน  การดำเนินมาตรการดังกล่าว

 


 

โดย นายณัฐพร   จาตุศรีพิทักษ์   ที่ปรึกษารมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี 60 หรือช้อปช่วยชาติ  โดยให้สิทธิสำหรับคนที่จับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าและบริการ ในช่วงระหว่างวันที่ 11 ..-3 ..60 สามารถนำค่าใช้จ่ายไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท   ซึ่งการจัดทำมาตรการครั้งนี้ แม้ทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้จากภาษีประมาณ 2,000 ล้านบาท   แต่จะมีผลดีกับการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในช่วงปลายปี   ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยบรรเทาภาระภาษีให้กับประชาชน   และยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้ามาจดทะเบียนภาษีอย่างถูกต้องมากขึ้น          

สำหรับสินค้าและบริการที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้นั้น  ต้องเป็นสินค้าของผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแวต อย่างถูกต้อง  แต่สินค้านั้นจะไม่เป็นการซื้อสุรา  เบียร์ ไวน์ ยาสูบ รถยนต์  รถจักรยานยนต์  เรือ น้ำมัน  ก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ขณะที่บริการนั้น ไม่รวมถึงการจ่ายค่าบริการให้กับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์  การจ่ายค่าที่พักในโรงแรมให้กับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม เพราะการช่วยเหลือด้านดังกล่าว อาจจัดทำเป็นมาตรการออกมารองรับเป็นการเฉพาะต่อไปในเร็วๆ นี้

 


 

ซึ่งนางแพตริเซีย   มงคลวนิช  โฆษกกรมสรรพากร   คาดการณ์ว่า  มาตรการช้อปช่วยชาติปีนี้จะมีการจับจ่ายเพื่อใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีช่วง 23 วัน  กว่า 22,500 ล้านบาท   คาดว่าทำให้กรมสูญเสียรายได้จากการคืนภาษี   2,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 2559  ที่มีการใช้สิทธิ์ประมาณ 15,000 ล้านบาท   ทำให้สูญรายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท

 


 

นายเชาว์  เก่งชน  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย  เห็นว่า มาตรการช้อปช่วยชาติ รัฐบาลไม่ได้หวังผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโตสูง   เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจขยายตัวในระดับที่น่าพอใจ    แต่รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงปลายปี     เพราะที่ผ่านมาร้านค้าขนาดย่อม และ ธุรกิจเอสเอ็มอี ยอดขายยังต่ำ ไม่ฟื้นตัว และรายได้เกษตรกรยังไม่ดีขึ้น ประกอบกับในปีที่ผ่านมา รัฐบาลใช้มาตรการช้อปช่วยชาติ กระตุ้นกำลังซื้อประชาชนได้ผล

ดังนั้นจึงเห็นว่าควรจะมีมาตรการดังกล่าวในปีนี้ด้วย   เพื่อให้การบริโภคในปลายปีนี้ขยายตัวในอัตราใกล้เคียงกันและให้เอสเอ็มอีได้รับอานิสงค์   โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัด 5,000-6,000 ล้านบาท   โดยคำนวณจากจำนวนผู้มีสิทธิ์ลดหย่อนภาษี 15,000 บาท และจะทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น   แต่ต้องยอมรับว่า เมื่อมีมาตรการช้อปช่วยชาติปลายปี จะมีผลทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคในเดือนมกราคมลดลงบ้าง เพราะเป็นการดึงกำลังซื้อในอนาคตมาใช้แต่ผลกระทบจะไม่รุนแรง

 

 

ส่วนมุมมองนักเศรษฐศาสตร์  ผศ.ดร.อนุสรณ์  ธรรมใจ   คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่ามาตรการช้อปช่วยชาติไม่ได้มีความจำเป็นมาก   เนื่องจากเศรษฐกิจในภาพรวมขยับตัวดีขึ้นระดับหนึ่งแล้ว  แต่ถ้ารัฐบาลต้องการช่วยคนมีรายได้น้อย หรือชนชั้นกลาง ควรจะใช้มาตรการ หรือวิธีการอื่นๆ เช่น ดูแลสวัสดิการของคนยากจน  ลดภาษีให้กับผู้ที่มีรายได้ไม่สูง พิจารณาลดภาษีบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล สำหรับเอสเอ็มอี หรือตั้งกองทุนในการดูแลเรื่องการประกอบอาชีพ และหากเป็นการลดหย่อนภาษี ควรกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยว เพราะจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าการซื้อสินค้า


LastUpdate 07/11/2560 22:05:57 โดย : Admin
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 5:52 am