บรรยากาศที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้ภาพรวมตลาดกระเช้าปีใหม่เริ่มกลับมาคึกคัก สังเกตได้จากการที่ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกออกมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกระเช้าปีใหม่กันอย่างคึกคัก เพื่อชิงเม็ดเงินสะพัดประมาณ 2,400 ล้านบาทในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท
กิจกรรมส่งเสริมการขายที่ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกงัดนำออกมาใช้ในปีนี้ยังคงหนีไม่พ้นการทำโปรโมชั่นให้ส่วนลด และให้ผ่อนสินค้าได้ 0% นานไม่ต่ำกว่า 3 เดือน เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็พยายามหากิมมิกในการจัดกระเช้าใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจของลูกค้า
ปัจจัยที่ทำให้ภาพรวมตลาดกระเช้าปีใหม่ในปีนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง นอกจากจะมีปัจจัยในด้านของบรรยากาศโดยรวม และสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวแล้ว การที่ปีนี้ภาครัฐมีการประกาศมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” ออกมากระตุ้นกำลังซื้อเป็นปีที่ 3 ซึ่งปีนี้มีระยะเวลานานถึง 23 วัน ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดกระเช้าปีใหม่ในปีนี้มีความคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยกระเช้าปีใหม่ที่ได้รับความนิยมยังคงเป็นราคาตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป เนื่องจากผู้บริโภคในระดับกลางขึ้นไปยังคงมีกำลังซื้อที่ดี
แนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือท็อปส์ออกมาประกาศกลยุทธ์การทำตลาดกระเช้าปีใหม่เป็นรายแรก เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มระดับกลางขึ้นไป ซึ่งในส่วนของปีนี้ก็ได้ชูจุดเด่นกระเช้า ด้วยใช้งบกว่า 100 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ Season's Giving 2018 กับคอลเลกชั่นพิเศษ “A GIFT TO HONOUR” โดยใช้ “นกยูง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ ความสง่างาม สวยงาม เพื่อต้องการสื่อความหมายถึงกระเช้าของขวัญปีใหม่ในปีนี้ ที่เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงการส่งมอบความหมายดีๆ ในหลากหลายรูปแบบ
น.ส.ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด กล่าวว่า ปีนี้บริษัทได้ดีไซน์กระเช้าตั้งแต่รูปลักษณ์กระเช้า ทั้งแบบหีบ กล่อง วัสดุตกแต่ง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ตามคอนเซปต์ “Reuse for Life” เน้นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟจากทั่วโลกกว่า 100 รายการ นำมาจัดกระเช้าให้ลูกค้าได้เลือกจำนวน 140 แบบ ในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 295-19,200 บาท
สำหรับกระเช้าไฮไลท์ที่นำมาทำตลาดในปีนี้ คือ “กระเช้าสินค้าจีไอ” ซึ่งจะมีทั้งผลไม้ สินค้าอุปโภค-บริโภค นอกจากนี้ ยังมี “กระเช้า good goods” ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อสินค้าจากผู้ผลิตท้องถิ่น ซึ่งได้มีการปรับรูปแบบให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ ขณะเดียวกันก็มี “กระเช้าดอยตุง" เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชน และ “กระเช้าผักผลไม้เพื่อสุขภาพและออร์แกนิค”
น.ส.ภัทรพร กล่าวอีกว่า กลยุทธ์สำคัญในปีนี้คือการต่อยอดการตลาดแบบยั่งยืน หรือ Sustainable Marketing สนับสนุนชาวบ้านสืบสานพระราชปณิธาน ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 500 ชุมชนที่ท็อปส์สนับสนุนส่งเสริมอาชีพ โดยคัดเลือกผลิตภัณฑ์จากชุมชนต่างๆ นำมาจัดลงกระเช้าปีใหม่มากกว่า 10,000 ใบ ใช้กระเช้าผักตบชวาจากกลุ่มจักสานผักตบชวาบ้านบางตาแผ่น ต.คลองวัว อ.เมือง จ.อ่างทองและกลุ่มหัตถกรรมพื้นบ้านผักตบชวา ต.ไทยงาม อ.บางเลน จ.นครปฐม และกระเช้าหวายงานฝีมือจากสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพ บ้านแม่ตุงติง ต.แม่สาบ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่โดยปีนี้กระเช้าสินค้าจากชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศจะเป็นอีกทางเลือกและสร้างสีสันให้กับตลาดกระเช้า
นอกจากนี้ มีโปรโมชั่นเลือกรับส่วนลดเงินสดหรือบัตรของขวัญสูงสุด 35% หรือรับเครดิตเงินคืนเพิ่มสูงสุด 18% เลือกผ่อนชำระ 0% นาน 3 เดือน พร้อมช่องทางการซื้อทั้งท็อปส์ออนไลน์ เซ็นทรัลออนไลน์ ท็อปส์โมบายแอพพลิเคชั่น ท็อปส์ไลน์แอด @Topsonline และช็อปออนไลน์ผ่านคิวอาร์โค้ด หรือผ่านทีมไดเรคเซล ซึ่งหลังจากทำการตลาดต่อเนื่องคาดว่าจบแคมเปญกระเช้าปีใหม่น่าจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 650 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 20%
ด้านบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ก็ออกมาจัดแคมเปญ “Gourmet Market & Home Fresh Mart Blissful Hamper 2018” ภายใต้แนวคิด “The Happiness Factory- แคมเปญส่งมอบความสุข” เน้นการคัดเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ตั้งแต่กระเช้ามาตรฐาน ไปจนถึงกระเช้าพรีเมียม และกระเช้าลักชัวรี่ ราคา 1,060-15,000 บาทเข้าทำตลาด
นายชัยรัตน์ เพชรดากูล ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า แนวทางการทำตลาดกระเช้าในปีนี้ บริษัทจะเน้นการคัดสรรสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ตั้งแต่กระเช้ามาตรฐาน ไปจนถึงกระเช้าพรีเมี่ยม และกระเช้าลักซ์ชัวร์รี่ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,060 - 15,000 บาท
สำหรับกระเช้ากลุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ระหว่างราคา 1,000 - 4,000 บาท ซึ่งลูกค้าจะเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไป, หน่วยงาน ห้างร้าน และองค์กรสำหรับกระเช้าระดับราคาตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป หรือกระเช้ากลุ่มพรีเมี่ยม ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี มีปริมาณการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่ง กูร์เมต์ มาร์เก็ต ยังคงครองผู้นำตลาดกระเช้าในกลุ่มนี้ โดยลูกค้าที่นิยมสั่งซื้อกระเช้ากลุ่มพรีเมี่ยม คือ ลูกค้าสกาเล็ทแพลทตินั่ม ที่มียอดซื้อต่อบิลค่อนข้างสูง ดังนั้น กระเช้าพรีเมี่ยมที่จัดทำขึ้นเราจึงมุ่งทำการตลาดกับลูกค้ากลุ่มดังกล่าวโดยตรง
นอกจากความพิเศษของตัวกระเช้าแล้ว เดอะมอลล์ ยังมีบริการ Delivery Service “สั่งด่วน ส่งไว” ผ่านหลากหลายแอพพลิเคชั่น โดยลูกค้าสามารถสั่งกระเช้าปีใหม่ผ่าน 3 แอพลิเคชั่น ได้แก่ ไลน์แมน (Line Man), แฮปปี้ เฟรช (Happy Fresh) และ เอ็มการ์ด ชอป (M Card Shop) และพิเศษยิ่งกว่าสำหรับลูกค้าที่สั่งกระเช้าผ่านแอพพลิเคชั่น Line Man สามารถกรอกโค้ด gourmet100 ฟรี! คูปองค่าจัดส่ง 100 บาท อีกด้วย
พร้อมกันนี้ ยังมีบริการส่งฟรี เมื่อสั่งซื้อกระเช้ามูลค่า 12,000 บาทขึ้นไป ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงภายในจังหวัดนครราชสีมา และอำเภอหัวหิน พิเศษ สำหรับสมาชิก MCard จัดส่งฟรี เมื่อซื้อกระเช้ามูลค่า 10,000 บาทขึ้นไป และสมาชิก M Card เมื่อช้อปกระเช้า Blissful Hamper ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป รับ 1,000 MPoint และรับส่วนลดเพิ่ม 12.5% เมื่อใช้ MPoint เท่ากับยอดซื้อ รวมไปถึงการจัดโปรโมชั่นผ่อน 0% นานสูงสุด 6 เดือน พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษรับคืนรวมสูงสุด 37% ซึ่งหลังจากจบแคมเปญกระเช้าปีใหม่ เดอะมอลล์ คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 300 ล้านบาท และมียอดขายกระเช้าอยู่ที่ 200,000 กระเช้า เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมียอดขายกระเช้าอยู่ที่ประมาณ 180,000 กระเช้า หรือมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 270 ล้านบาท
ข่าวเด่น