ช่วงหลายปีที่ผ่านมาคงจะเห็นการขยายสาขาของห้างโรบินสันในจังหวัดหัวเมืองรองกันมาบ้างแล้ว ซึ่งนับจากนี้ไปห้างโรบินสันจะบุกหนักมากขึ้น เนื่องจากได้รับไฟเขียวจากบริษัทแม่นั่นก็คือ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ที่ออกมาวางหมากให้ห้างโรบินสันนำทัพบุกหัวเมืองเทียร์ 2 หรือหัวเมืองรอง ขณะที่หัวเมืองเทียร์ 1 หรือหัวเมืองใหญ่ได้วางหมากศูนย์การค้าเซ็นทรัลเป็นผู้นำทัพบุก และหัวเมืองเทียร์ 3 หรือหัวเมืองเล็กวางหมากให้ศูนย์การค้าท็อปพลาซ่าเป็นผู้นำทัพบุกตลาด
จากความชัดเจนของกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล ได้วางไว้ดังกล่าว ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกในเครือต่างเร่งเดินหน้าในการเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะห้างโรบินสัน เพราะนอกจากจะต้องขยายสาขาในรูปแบบดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ร่วมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลแล้ว ยังต้องเดินหน้าบุกเดี่ยวในรูปแบบของศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์อีกด้วย
ปัจจุบันศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการทั้งหมด 19 สาขา และในวันที่ 8 ธ.ค.นี้จะเปิดให้บริการสาขาที่ 20 ในจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งจุดเด่นของสาขานี้ คือ การย่อขนาดของตัวศูนย์การค้าให้มีขนาดเล็กลง เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งบริการที่ครบครัน บนพื้นที่ 28,000 ตารางเมตร ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘EAT SHOP PLAY’ (อีท ช้อป เพลย์) ในรูปแบบการจัดพื้นที่ Integrated Layout (อินทเกรทเต็ด เลย์เอ้าท์) เพื่อเป็น Center of Community หรือศูนย์กลางของจังหวัดกำแพงเพชรต่อไปในอนาคต ซึ่งในส่วนของสาขานี้ห้างโรบินสันได้ใช้งบลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท
นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สาขากำแพงเพชรถือเป็นหนึ่งในฟอร์แมตที่บริษัทได้วางไว้ในการขยายสาขาศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ฟอร์แมต คือ ฟอร์แมตคอมแพ็ค หรือไซต์เอส ขนาด 27,000 – 30,000 ตร.ม. ฟอร์แมตมิกซ์ไซต์ หรือไซต์เอ็ม ขนาด 33,000 – 35,000 ตร.ม. และฟอร์แมตขนาดใหญ่ หรือไซต์แอล ขนาดมากกว่า 35,000 -37,000 ตร.ม. ซึ่งฟอร์แมตที่บริษัทจะใช้เป็นตัวขับเคลื่อนศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ คือ ฟอร์แมตคอมแพ็ค เพราะสามารถเข้าถึงแหล่งชุมชนได้ง่าย ใช้พื้นที่ไม่เยอะและใช้เวลาในการก่อสร้างไม่นาน
สำหรับแผนการขยายสาขานับตั้งแต่ปี 2561-2563 โรบินสันมีแผนที่จะเปิดสาขารวมอยู่ที่ประมาณ 9 สาขา หรือเฉลี่ยเปิดสาขาต่อปีที่ประมาณ 2-3 สาขา ซึ่งในจำนวนดังกล่าวจะเป็นการขยายสาขาในรูปแบบศูนย์การโรบินสันค้าไลฟ์ประมาณ 5 สาขา ซึ่งในส่วนของปี 2561 โรบินสันมีแผนที่จะเปิดให้บริการศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์จำนวน 2 สาขา หนึ่งในนั้นที่สามารถเปิดเผยได้ คือ สาขาย่านอมตะนคร จังหวัดชลบุรี
ส่วนแผนการขยายธุรกิจในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้นั้น นอกจากจะขยายศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ที่สาขากำแพงเพชรแล้ว ยังจะมีการขยายสาขาในรูปแบบโรบินสัน ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ สาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา มหาชัย อีกด้วย โดยเมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมาเป็นสาขาลำดับที่ 45 ซึ่งในส่วนของสาขาด้วยงบประมาณการลงทุน 600 ล้านบาท บนพื้นที่ 15,000 ตร.ม. ชูไฮไลท์ด้วยการปรับโฉมร้านมัลติแบรนด์เครื่องสำอางขายดีอย่าง ‘HELLO BEAUTY’ (เฮลโล บิวตี้) สู่การเป็น Multi-Brands Store 360° (มัลติแบรนด์ สโตร์ 360 องศา) บนพื้นที่ 900 ตร.ม. ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตอกย้ำการเป็นบิวตี้ เดสติเนชั่น และตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปใน ปัจจุบันของกลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียล ซึ่งนับเป็น Flagship Store (แฟลคชิป สโตร์) ของ ‘HELLO BEAUTY’
นอกจากนี้ ยังชูจุดเด่นในด้านของบริการที่ครบวงจรแบบ One Stop Service ทั้งสินค้าสุขภาพและความงามกว่า 500 แบรนด์ดัง โดยมีแบรนด์ สินค้าความงามใหม่ๆ อาทิ NYX (เอ็นวายเอ็กซ์), แบรนด์สินค้าเครื่องสำอางจากเกาหลี รวมทั้งบริการด้านความงาม อาทิ บริการตกแต่งคิ้ว บริการแฮร์ดีไซน์ บริการเนลสปา นอกจากนี้ที่สาขามาหาชัยยังมีจุด บริการ Click & Collect เพื่อรับสินค้าที่สั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ ที่ shopping.robinson.co.th อีกด้วย
อีกหนึ่งบริการที่ โรบินสัน ชูเป็นจุดขาย เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด คือ กลุ่มสินค้าไพรเวท ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 4 กลุ่ม คือ 1. Just Buy (จัสท์ บาย) สินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ช้อปราคาเดียวของโรบินสัน ซึ่งมีความเคลื่อนไหวของ แบรนด์ที่สำคัญ คือ การขยายสาขาในรูปแบบช็อปสแตนด์อโลนในไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นแห่งแรก ที่สาขาบางใหญ่ โดยกลุ่มสินค้ามีความหลากหลายขึ้น เช่น กลุ่มสินค้าของใช้ในบ้าน, กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม, กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี, กลุ่มสินค้าเครื่องเขียนและของขวัญ และกลุ่มสินค้าสำหรับจัดงานปาร์ตี้รื่นเริง โดยปลายปีนี้ โรบินสัน คาดว่าจะมีสาขาของ Just Buy เปิดให้บริการครบ 45 สาขา
กลุ่มที่ 2 คือ Great Value (เกรท แวลู) อีกหนึ่งสินค้าไพรเวทแบรนด์ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘365 วันราคาเดียว’ ที่มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มประเภทกลุ่มสินค้าให้มีความหลากลายมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน, เอ้าท์ดอร์ลีฟวิ่ง และโฮมออฟฟิศ รวมทั้งขยายพื้นที่การให้บริการของร้านเป็น 1,000 ตร.ม. ที่โรบินสัน ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ เป็นที่แรก ในช่วงปลายเดือนพ.ย. นี้ ขณะเดียวกันยังตั้งเป้าที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา ในโรบินสัน รวมเป็น 30 สาขา ในปลายปี 2560
ส่วนกลุ่มที่ 3 คือ Payless ShoeSource (เพย์เลส ชูซอร์ส) ร้านรองเท้ามัลติแบรนด์ ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่วางจำหน่ายจะเน้นกลุ่มสินค้ารองเท้าสนิกเกอร์ที่ใน 2 ปี ที่ผ่านมาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ส่งผลให้ธุรกิจของเพย์เลส ชูซอร์ส ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีสาขาของ Payless Shoesource เปิดให้บริการในปลายปี 2560 รวมเป็น 41 สาขา และกลุ่มสุดท้าย Baby shop (เบบี้ช็อป) ร้านสินค้าแฟชั่นสำหรับเด็ก ซึ่งบริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต โดยในปลายปี 2560 Baby shop จะมีสาขารวมเป็น 9 สาขา
นายวุฒิเกียรติ กล่าวปิดท้ายว่า ในช่วงปลายปีนับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งการแข่งขันในตลาดค้าปลีกที่สำคัญ ดังนั้นบริษัทจึงจะเดินหน้ารุกตลาดค้าปลีกอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในแง่ของการขยายสาขา การบริหารจัดการแบรนด์สินค้าและการวางกลยุทธ์แผนการตลาด อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการปรับกลยุทธ์ขององค์กรให้เหมาะสมและรวดเร็วกับสภาวะการแข่งขันในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันได้อย่างตรงจุด ซึ่งคาดว่าจะส่งผลที่ดีต่อภาพรวมของบริษัทในไตรมาสที่ 4 ได้อย่างแน่นอน
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ส่งผลให้ โรบินสัน มีรายได้เติบโตสวนกระแสภาพรวมธุรกิจดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ที่อยู่ในภาวะชะลอตัว เห็นได้จากรายได้รวมในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราการเติบโต 4.2%
ข่าวเด่น