บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ของไทย พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 6 ธ.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 95,998.50 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “GULF”
ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ของไทย เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “GULF” ในวันที่ 6 ธันวาคม 2560 นี้
GULF เป็น holding company ที่ลงทุนในกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเย็น ปัจจุบันมีโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 17 โครงการ แยกเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 13 โครงการ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการลงทุนรวม 1,963.5 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนา ซึ่งเมื่อโครงการทั้งหมดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2567 ทั้ง 28 โครงการแล้ว GULF จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการลงทุนรวมทั้งสิ้น 6,329.2 เมกะวัตต์
GULF มีทุนชำระแล้ว 10,666.50 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม1,600 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 533.3 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) แก่ผู้ลงทุนบุคคลทั่วไปในประเทศ ผู้มีอุปการคุณ และบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท เมื่อวันที่ 17 และ 20-21 พฤศจิกายน 2560 และผู้ลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ เมื่อวันที่ 23-24 และ 27 พฤศจิกายน 2560 ในราคาหุ้นละ 45.00 บาท มูลค่าระดมทุนรวม23,998.50 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 95,998.50 ล้านบาท โดยมี บมจ. หลักทรัพย์ กสิกรไทย บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ บมจ. หลักทรัพย์บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บมจ. หลักทรัพย์ กสิกรไทย บล. ไทยพาณิชย์ และ บมจ. หลักทรัพย์ บัวหลวง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF)เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทจะใช้เงินระดมทุนเพื่อการลงทุนในโครงการต่างๆ ในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทจะชำระเงินกู้ยืม ไถ่ถอนหุ้นกู้และ/หรือตั๋วแลกเงินที่ออกโดยบริษัท และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
GULF มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ถือหุ้น 75.00% บริษัท UBS Securities Pte Ltd ถือหุ้น 8.07% และ บริษัท Merrill Lynch (Singapore) Pte Ltd ถือหุ้น 2.38% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (book building) ของนักลงทุนสถาบัน โดยคิดอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 41.21 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ในงบการเงินช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2559 ถึงไตรมาส 3 ปี 2560) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (fully diluted) เท่ากับ 1.09 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล ทุนสำรองตามที่กฎหมายกำหนด และภาระผูกพันตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.gulf.co.th และ www.set.or.th
ข่าวเด่น