หลังการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 5 ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นอกจากนายกรัฐมนตรีจะวางแนวทางการทำงานให้คณะรัฐมนตรีแล้ว นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้กระทรวงต่างๆเตรียมของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน โดย พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้แจกเอกสารสั่งการให้รัฐมนตรีทุกคนในที่ประชุมครม.ยึดความซื่อสัตย์สุจริตและโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญ ควบคู่กับการทำงานแบบบูรณาการข้ามกระทรวง รวมถึงศึกษางานและกฏของกระทรวงอื่นๆ เพื่อให้งานทุกอย่างเป็นด้วยความเรียบร้อย ตลอดจนให้รัฐมนตรีเตรียมการเรื่องของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยศึกษาจากแนวทางที่ผ่านมา และให้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้จะต้องนำสินค้าเกษตรของไทย ที่มาจากเกษตรกร หรือจากประชาชนจัดทำขึ้น เช่น มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาข้าว กข.43 เพื่อจัดทำเป็นของขวัญ โดยสร้างรูปแบบผลิตภัณฑ์และเรื่องราว ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะสั่ง 300 กล่อง เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ระยะที่ 2 ว่า ภายในสัปดาห์นี้จะเร่งหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับการเดินหน้าสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ระยะที่ 2 ที่กระทรวงการคลังจะเสนอให้ดำเนินการนั้น จะสามารถทำได้จริงในทางปฏิบัติ และเกิดผลให้เห็นเป็นรูปธรรมด้วย โดยรอบใหม่นี้จะเน้นการสร้างงานสร้างอาชีพ ซึ่งจะเป็นการแก้จนอย่างยั่งยืนมากกว่าให้รัฐสวัสดิการเป็นครั้งคราว
สำหรับสวัสดิการที่จะมอบให้ผู้มีรายได้น้อยในระยะที่ 2 นั้น จะเน้นส่งเสริมใน 4 มิติ ได้แก่ การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทางการ การส่งเสริมการศึกษาและการฝึกอบรมอาชีพ การเพิ่มโอกาสในการทำงาน ทั้งในส่วนของมีงานทำและการเป็นเจ้าของกิจการ และการส่งเสริมการมีปัจจัย 4 เป็นของตัวเอง อาทิ ที่อยู่อาศัย และทรัพย์สินต่างๆ ที่จำเป็น
ซึ่งยอมรับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป้าหมายหลักที่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กำหนดมา คือต้องทำให้ผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนในโครงการสวัสดิการรัฐจำนวน 11.4 ล้านคน ซึ่งในส่วนนี้มีคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท/ปี ถึง 5 ล้านคน มีจำนวนลดลง รวมทั้งการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ในรอบนี้ให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริงและประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราจึงต้องหารือร่วมกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ได้อย่างแท้จริง โดยคาดว่าภายใน 2 สัปดาห์น่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมด และจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน
อย่างไรก็ดี ในส่วนเงินงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการนั้น ปลัดคลัง กล่าวว่า ยังไม่มีการสรุปในเรื่องนี้ แต่เบื้องต้นจะเป็นการบูรณาการโครงการเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้มีรายได้น้อย การส่งเสริมอาชีพของกระทรวงต่างๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว เอามาปรับปรุงให้สอดคล้องและผลักดันออกมาอย่างเป็นระบบ ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ โดยมาตรการด้านสินเชื่อจะให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเป็นแกนนำในการดำเนินการ
ข่าวเด่น