การส่งออกอาหาร-เกษตรแปรรูปของไทยนับเป็นหนึ่งใน10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีจุดแข็งสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้ ซึ่งผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า ปี 2560 คาดว่าอุตสาหกรรมอาหารจะมีการส่งออกปริมาณ 32.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อน 5.3% แต่ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะส่งออกได้ 33 ล้านตัน มูลค่า 1.03 ล้านล้านบาท เนื่องจากมีหลายสินค้าส่งออกได้ลดลง เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง น้ำผลไม้ มันสำปะหลัง ฯลฯ ขณะที่มูลค่าส่งออกลดลงในรูปเงินบาท เนื่องจากภาวะการแข็งค่าของเงินบาทไทยในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่ามูลค่าส่งออกในรูปเงินเหรียญสหรัฐจะโตถึง 10%
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารไทยปี 2561 คาดว่า จะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2560 ระดับ 7% มีมูลค่าส่งออก 1.07 ล้านล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญฟื้นตัวต่อเนื่อง ผลผลิตวัตถุดิบสินค้าเกษตรในปีการผลิต 2560/2561 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำฝนและนโยบายสนับสนุนภาค เกษตรกรรมและเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาล ทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs และกลุ่ม OTOP) แต่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือการแข็งค่าของเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มต่อเนื่อง ราคาน้ำมันที่จะกระทบต้นทุนขนส่ง และการขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ สินค้าที่คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ข้าว ไก่ น้ำตาลทราย กุ้ง และทูน่ากระป๋อง ส่วนสินค้าที่คาดว่าจะมีมูลค่าขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มะพร้าวเพิ่มขึ้น 17.6%, แป้งมันสำปะหลัง และอาหารพร้อมรับประทาน เพิ่มขึ้น 10%, กุ้งเพิ่มขึ้น 9.3%, น้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น 6.8%, เครื่องปรุงรสเพิ่มขึ้น 6.8%, ไก่เพิ่มขึ้น 6.6% และน้ำผลไม้เพิ่มขึ้น 6.6%
นายยงวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก้าวต่อไปของอุตสาหกรรมอาหาร คือ การผลักดันอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรมตามนโยบายของรัฐ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและอาหาร โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่ภาครัฐ สถาบันอาหาร รวมทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไท ย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกันผลักดันให้เกิดการลงทุนใ นพื้นที่ดังกล่าว เพื่อผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เงินบาทแข็งค่าตั้งแต่ปลายปี 2559 กว่า 2 บาท และยังคงมีการแข็งค่ามากกว่าประเทศคู่แข่งทางการค้าของไทย เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งถือเป็นปัญหาที่น่าห่วงมากที่สุดในปี 2561 เพราะรายได้จากการส่งออกเมื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทแล้ว จะลดลงซึ่งกระทบผลประโยชน์ที่จะตกลงไปถึงมือเกษตรกรและเอสเอ็มอี ดังนั้นทางการควรเข้ามาดูแลให้เงินบาทอ่อนค่าอย่างสมดุลกับค่าเงินของประเทศที่เป็นคู่แข่งในการส่งออกสินค้า
ข่าวเด่น