ค่าเช่าออฟฟิตทะยานขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลบริษัทสนใจซื้อแทนเช่า หวังลดความเสี่ยงจากค่าเช่าแพง รวมถึงสร้างผลกำไรหากขายต่อในอนาคต
จากการที่อาคารสำนักงานให้เช่าในกรุงเทพฯ มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นต่อไปอีก ทำให้มีบริษัทหลายๆ บริษัทเริ่มพิจารณาการซื้อพื้นที่สำนักงานแทนการเช่า อย่างไรก็ดี พื้นที่สำนักงานที่มีเสนอขายในขณะนี้มีจำกัด ทำให้ทางเลือกนี้มีความเป็นไปได้ยาก ตามการรายงานจากบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล
นางสาวยุพา เสถียรภาพอยุทธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการธุรกิจอาคารสำนักงาน เจแอลแอล เปิดเผยว่า บริษัทส่วนใหญ่จะเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานเพื่อทำเป็นออฟฟิศ มากกว่าการซื้อ เนื่องจากการเช่ามีความยืดหยุ่นมากกว่า โดย สัญญาเช่าจะมีอายุ 3 ปี แต่สามารถต่ออายุสัญญาได้ ดังนั้น เมื่อสัญญาเช่าหมดลง ผู้เช่าจึงเลือกที่จะอยู่ต่อในอาคารเดิม หรือย้ายออกไปหาอาคารใหม่ได้
สัญญาดังกล่าวเป็นสิ่งที่จำเป็นในกรณีที่มีความเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ อาทิ การปรับลดหรือเพิ่มจำนวนพนักงาน ความต้องการอาคารที่อยู่ในอาคารที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น รวมไปจนถึงความต้องการใช้พื้นที่ให้ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างไรก็ตาม ค่าเช่าพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันตลอดในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีบริษัทบางบริษัทที่สนใจหาโอกาสซื้อพื้นที่สำนักงานเป็นของตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะต้องจ่ายค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดอาคารสำนักงานกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทที่ต้องการซื้อพื้นที่สำนักงาน ยังคาดหวังด้วยว่า อาจมีโอกาสได้กำไรจากมูลค่าที่สูงขึ้น เมื่อต้องขายต่อในอนาคต ซึ่งความคาดหวังนี้ มีความเป็นไปได้ เนื่องจากตลาดอาคารสำนักงานกรุงเทพฯ ยังคงมีแนวโน้มที่อยู่ในช่วงขาขึ้นต่อไปอีกอย่างน้อยในระยะปานกลาง
โดยเจแอลแอล พบว่า พื้นที่สำนักงานที่บริษัทต่างๆ สนใจหาซื้อในขณะนี้ มีขนาดระหว่าง 400-2,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานที่มีคุณภาพค่อนข้างดีและมีทำเลที่ดี อย่างไรก็ดี พบว่า พื้นที่สำนักงานตามคุณสมบัติดังกล่าวที่มีเสนอขายมีน้อย
นางสาวยุพากล่าวว่า "เจ้าของยูนิตย่อยในอาคารสำนักงานที่มีอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะขาย โดยเฉพาะอาคารที่ตั้งอยู่ในทำเลดีและมีการบริหารจัดการที่ดี เป็นที่ต้องการสูงของผู้เช่า จึงสามารถเรียกค่าเช่าได้สูง ส่วนยูนิตที่มีเสนอขาย บางยูนิต มีราคาขายค่อนข้างสูง บางยูนิตตั้งอยู่ในอาคารที่สภาพไม่ดี เนื่องจากขาดการบริหารจัดการและการบำรุงรักษาที่ดี หรือในอาคารที่มีทำเลไม่สะดวก
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับบริษัทที่ต้องการหาซื้อพื้นที่สำนักงานที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี สำหรับบริษัทที่ต้องการกรรมสิทธิ์ขาดในออฟฟิศของตนเอง อาจพิจารณาทางเลือกอื่น อาทิ การซื้ออาคารสำนักงานขนาดเล็กแทน ซึ่งยังพอมีเสนอขายอยู่ในขณะนี้ แม้อาคารเหล่านี้ส่วนใหญ่อาจตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่โดดเด่นมากนัก แต่ผู้ครอบครองสามารถมีอำนาจเต็มในทุกๆ เรื่อง ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงอาคารให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของตนเอง
ปัจจุบันกรุงเทพฯ มีอาคารสำนักงานหลายอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งขายเป็นยูนิตย่อยหรือที่รู้จักกันในชื่อของออฟฟิศคอนโดมิเนียม เช่น อาคารเลครัชดา ออฟฟิต คอมเพล็กซ์ อาคารซีทีไอทาวเวอร์ และอาคารสาธรธานี เป็นต้น อาคารประเภทนี้ ส่วนใหญ่ได้รับการก่อสร้างขึ้นเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วในช่วงที่ที่ดินทำเลดีในกรุงเทพฯ ยังมีอยู่มากและราคาไม่สูงดังเช่นในปัจจุบัน ผู้ซื้อในสมัยนั้นส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ต้องการซื้อพื้นที่เพื่อใช้ทำเป็นออฟฟิศของตนเอง รวมไปจนถึงนักลงทุนที่ซื้อไว้เพื่อปล่อยเช่า นอกจากนี้ บางอาคารอาจมีผู้พัฒนาโครงการถือครองพื้นที่ส่วนหนึ่งในอาคารไว้เพื่อใช้เองหรือเพื่อปล่อยเช่า ในขณะที่ไม่มีการสร้างอาคารสำนักงานเพื่อขายขึ้นมาอีกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งปี 2540
เจแอลแอลเป็นบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก มีสำนักงานสาขา 300 แห่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย เจแอลแอลเริ่มดำเนินธุรกิจมานับตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบันเป็นบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ด้วยพนักงานมากกว่า 1,600 คน และมีอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการคิดเป็นพื้นที่รวมทั้งสิ้นกว่า 5 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ เจแอลแอลยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวมอันดับหนึ่งของประเทศไทยติดต่อกันเจ็ดปีซ้อน ในการสำรวจความคิดเห็นของคนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ประจำปี 2560 โดยนิตยสารยูโรมันนี (Euromoney Real Estate Survey 2017)
ข่าวเด่น