บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ฟิลลิป เปิดบริการเทรดบิทคอยน์ฟิวเจอร์สเป็นที่แรกในไทย โดย นายซี คิ-ออง เลาว์ กรรมการผู้จัดการ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัท เป็นโบรกเกอร์รายเดียวในประเทศไทย ที่เปิดบริการลงทุนต่างประเทศทั้ง หุ้นและฟิวเจอร์สรวมแล้วกว่า 30 ตลาดทั่วโลก และขณะนี้ ทั้งตลาด CBOE (Chicago Board Options Exchange) และ CME (The Chicago Mercantile Exchange) ซึ่งเป็นตลาดล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดและมีปริมาณซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สสูงที่สุดในโลก ได้เปิดให้นักลงทุนสามารถซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์สอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้ลูกค้า บล.ฟิลลิป สามารถซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์สได้ทั้ง 2 ตลาดเช่นกัน
ซึ่งเรื่องดังกล่าว นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเร่งประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อตรวจสอบว่า การที่บริษัทหลักทรัพย์เปิดให้บริการดังกล่าว สามารถทำได้ในไทยหรือไม่ และมีกฎหมายรองรับแค่ไหน แต่รัฐบาลขอเตือนให้ผู้สนใจลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เพิ่มความระมัดระวังเพราะมีความเสี่ยงสูงและผันผวนมาก
นอกจากนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ยังได้ทำข้อมูลอินโฟกราฟฟิกออกเตือนประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการใช้สกุลเงินดิจิทัลผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยระบุการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล มีความเสี่ยงขาดทุนเพราะมีมูลค่ามีความผันผวนสูง และมีลักษณะคล้ายการพนันซึ่งเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นทั้งหมด เสี่ยงชำระหนี้ไม่ได้เพราะไม่สามารถนำมาใช้แทนเงินบาทตามกฎหมายได้ เสี่ยงผิดกฎหมายโดยอาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่กฎหมาย เช่น การฟอกเงิน โดยไม่รู้ตัว และเสี่ยงแชร์ลูกโซ่ ซึ่งอาจถูกหลอกลวงไปลงทุนในแชร์ลูกโซ่ โดยอ้างอิงเงินสกุลดิจิทัลและจูงใจด้วยผลตอบแทนสูง
ขณะเดียวกันรายงานข่าวจากสำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งว่า การที่บริษัทหลักทรัพย์ชักชวนนักลงทุนไปซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์ส ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในต่างประเทศนั้น สามารถทำได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นสัญญาฟิวเจอร์สที่ซื้อขายในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในสหรัฐ ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ไทยสามารถบริการลูกค้าที่ประสงค์จะลงทุนผ่านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในต่างประเทศดังกล่าวได้อยู่แล้ว เพราะเป็นตลาดที่อยู่ใต้กำกับขององค์กรสมาชิกของ ก.ล.ต.ทั่วโลก ซึ่งมีข้อตกลงความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน
กรณีนี้จึงไม่ใช่เรื่องฉ้อโกงหรือฟอกเงิน แต่เป็นเรื่องที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงมาก ทั้งความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นสินค้าอ้างอิง รูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราทดในตัว ทำให้อัตราของผลกำไรขาดทุนสูงกว่าสินค้าอ้างอิง และการต้องเตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับการถูกเรียกหลักประกันเพิ่มรายวัน ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงต้องคำนึงถึงความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนด้วย หากไม่เข้าใจหรือไม่พร้อมก็ควรหลีกเลี่ยง
ส่วนนายนริศ สถาผลเดชา เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) มองว่า การลงทุนบิตคอยน์นับ เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทหนึ่งที่ปัจจุบันมีผลตอบแทนที่สูงขึ้นมากจากการเก็งกำไร แต่ยังมีความเสี่ยงในด้านการแปลงสภาพเพื่อใช้ในการชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถใช้เป็นช่องทางในการชำระเงินได้ อย่างไรก็ตามหากตลาดโลกรับรู้เทคโนโลยีประเภท Block chainและเงินสกุลดิจิทัลมากขึ้น มองว่าเป็นโอกาสในอนาคตที่จะใช้เงินสกุลบิตคอยน์เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน แต่ต้องได้รับการดูแลและกำกับจากธนาคารต่างๆทั่วโลก
ข่าวเด่น