ในงาน CES (Consumer Electronics Show) ประจำปีที่ผ่านมา เดลล์ เผยโฉมชุดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เลิศหรู พร้อมซอฟต์แวร์ เพื่อตอบโจทย์ผู้คนทั้งเพื่อความบันเทิงสนุกสนานและเพื่อใช้ในการทำงาน ขณะเดียวกัน นอกเหนือจากการเปิดตัวอุปกรณ์ที่มีความสวยงามที่สุดในโลกแล้ว เดลล์ยังไฮไลต์นวัตกรรมอันน่าทึ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผลิตภัณฑที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับปรุงทั้งประสิทธิภาพ ฟังก์ชั่นในการทำงาน พร้อมทั้งประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ในองค์รวม
“ที่เดลล์ นวัตกรรมไม่เคยหลับใหล เพราะเราหลงใหลในการสร้างเทคโนโลยีที่ขยายขอบเขตความเป็นไปได้อย่างไม่สิ้นสุด” แซม เบิร์ด ประธาน Client Solutions Group ของเดลล์ อธิบายไว้ “สำหรับเดลล์ คุณอาจมองเห็นการออกแบบอันน่าทึ่งของผลิตภัณฑ์จากภายนอก แต่จริงๆ แล้ว หนึ่งในคุณประโยชน์ที่โดดเด่นนั้นมาจากนวัตกรรมที่อยู่ภายใน ทั้งความงามและพลังที่แข็งแกร่งซึ่งซ่อนอยู่ภายในตัวเครื่องที่สวยงามเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ปฏิวัติและสร้างนิยามใหม่ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ที่พร้อมมอบประสบการณ์ที่ผู้คนปรารถนาและไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้จริง”
ความสามารถทางวิศวกรรม ใน XPS 13 และ XPS 15 2-in-1
สายผลิตภัณฑ์ XPS ของเดลล์ ชนะเลิศรางวัลด้านผลิตภัณฑ์มากมาย มากกว่าแบรนด์อื่นในประวัติศาสตร์ของเดลล์ โดย XPS 13 รุ่นล่าสุดได้รับการปรับปรุงในทุกแง่มุมที่สามารถเป็นไปได้ พร้อมกับได้รับรางวัลอันทรงเกียรติด้านนวัตกรรม CES 2018 Innovation Award สิ่งที่มาพร้อมกับจอแสดงผลแบบเน็กซ์เจน InfinityEdge 4K Ultra HD คือ XPS 13 เพิ่มสี Rose Gold ที่เจิดจรัส พร้อมการตกแต่งด้วยไฟเบอร์กลาสที่ถักทออย่างงดงามในสี Alpine White เป็นทางเลือกแทนสีเดิมคือ สีเงิน และสีดำ พร้อมขอบจอที่เล็กลงไปอีก และให้ thermal headroom เพิ่มขึ้น80 เปอร์เซ็นต์ ภายในตัวเครื่องที่ออกแบบให้มีความบางมากขึ้น และเบาขึ้น Dell Power Manager สามารถมอบพลังได้ตามที่คุณต้องการ ในขณะที่นำฉนวนกันความร้อน GORE Thermal Insulation ซึ่งทำจาก silica aerogelsฉนวนกันความร้อนที่ทำจากวัสดุที่ดีที่สุดในโลกซึ่งให้ความเบา และเป็นวัสดุที่ใช้ในยานสำรวจดาวอังคาร (Mars Rover) เพื่อกระจายและลดความร้อน มาใช้เป็นวัสดุที่ให้นวัตกรรมในส่วนของ Thermal Design เพื่อรักษาความเย็นในระบบแม้เครื่องจะต้องทำงานหนักก็ตาม
เดลล์ เติมเต็มช่องว่างในตลาดสำหรับอุปกรณ์โมบายที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น ในตัวเครื่องที่บางลง และเบาขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักสร้างสรรค์ผลงานในระดับมืออาชีพ และมือสมัครเล่นที่ทำเป็นงานอดิเรก ด้วยการเปิดตัว XPS 15 2-in-1 เครื่องแรก ที่ให้ขุมพลังมากที่สุดของโลกในตัวเครื่องขนาด 15 นิ้ว แบบ 2-in-1 ซึ่งเป็นความสามารถด้านวิศวกรรมที่หล่อหลอมขึ้นจากการใช้นวัตกรรมในทุกระดับ ให้สมดุลระหว่างความมีประสิทธิภาพสูง พร้อมการออกแบบ รองรับการใช้แอปฯ เพื่อการสร้างคอนเท้นท์ สามารถประมวลผลไฟล์ขนาดใหญ่ และเล่นเกม AAA ในขณะที่ให้จอสัมผัส และใช้ปากกาได้ รวมถึงคีย์บอร์ดที่ใช้พลังแม่เหล็ก (Maglev keyboard) พร้อมหน้าจอที่นักสร้างสรรค์ใช้สร้างผลงานด้านเรียลเอสเตท โดยโปรเซสเซอร์ใหม่แบบเน็กซ์เจน Intel® Core™ รุ่นที่8 ผสานรวมทั้งซีพียู อินเทล ประสิทธิภาพสูง ที่มาพร้อมการ์ดจอ Radeon™ RX Vega M graphics ในแพคเกจเดียวกัน ซึ่งสร้างความเป็นได้ให้กับ XPS 15 2-in-1 ใหม่นี้ นอกจากนี้ XPS 15 2-in-1 ยังให้จอแสดงผลแบบเน็กซ์เจน InfinityEdge 4K Ultra HD อันน่าตื่นตาตื่นใจ ให้สีเจิดจรัส ให้ประสบการณ์ดื่มด่ำของภาพในอารมณ์ของภาพยนตร์ ในรูปทรงเพรียวบางเพียง 16 มิลลิเมตร ด้วยฝีมือช่างศิลป์ที่ชำนาญ ใช้วัสดุพรีเมียม และการเคลือบเงา ทั้งอลูมิเนียมที่เป็นตัวเครื่อง คาร์บอนไฟเบอร์ และกระจกที่แข็งแกร่งที่สุด Corning® Gorilla® Glass 4ผสมผสานจนกลายเป็นการออกแบบแห่งอนาคตที่เปี่ยมด้วยฟังก์ชันการทำงานที่ล้ำเลิศ
การผสานรวมระหว่าง เดลล์ พีซี และสมาร์ทโฟน ด้วยซอฟต์แวร์ Dell Mobile Connect
ในเวลาที่ใช้คอมพิวเตอร์ นอกจากคนจะใช้มือจับเมาส์ และโลดแล่นไปบนคีย์บอร์ดแล้ว ในตอนนี้ ยังมีสมาร์ทโฟนอีก ดังนั้นในการอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิผลมากขึ้น เดลล์ จึงเป็นผู้ผลิตพีซีรายแรกที่นำโซลูชันซอฟต์แวร์ มาช่วยผสานการใช้งานร่วมกันระหว่างเดลล์ พีซี และสมาร์ทโฟน (ทั้ง iOS และ Android) ผ่านระบบไร้สาย โดยจะติดตั้งซอฟต์แวร์มาล่วงหน้าในเครื่องพีซีสำหรับคอนซูเมอร์ ซึ่งจะเพิ่มอำนาจให้กับผู้ใช้ทั้งการโทร ส่งข้อความ รับการแจ้งเตือน และกระทั่งการทำ mirror โทรศัพท์เพื่อใช้งานกับแอปฯ มือถือทั้งหมดที่ชอบใช้ได้
ประสบการณ์อันดื่มด่ำ กับ Dell Cinema
ผู้คนในปัจจุบันต่างดูหนัง ดูโชว์ทางทีวี ผ่านเครื่องพีซีมากขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา ด้วยความคาดหวังว่าจะได้รับประสบการณ์เต็มรูปแบบอย่างที่รับชมในโรงภาพยนตร์ ทั้งระบบเสียงสตูดิโอและคุณภาพของภาพ อย่างที่ผู้สร้างสรรค์ตั้งใจให้เป็น ประสบการณ์ที่ว่าตอนนี้มีอยู่ใน XPS และพีซี Inspiron รุ่นที่คัดสรรมาโดยเฉพาะ ส่งมอบผ่าน Dell Cinema ซึ่งเป็นระบบเสียงและภาพที่ให้ประสบการณ์ดื่มด่ำ
-CinemaColor ด้วยพลังจาก Windows HD Color ถอดรหัสและแสดงภาพแบบ HDR (high dynamic range) ทำสตรีมมิ่งคอนเท้นท์ ด้วยรายละเอียดที่ดียิ่งขึ้น ให้สีเจิดจรัสขึ้นไปอีก พร้อมความสว่างคมชัดมากขึ้น และให้ขอบเขตสีที่กว้างมากขึ้น นอกจากนี้ Dell Cinema PC ยังรองรับ Netflix ในระบบ HDR
-CinemaSound นวัตกรรมด้านระบบเสียงเฉพาะของเดลล์ ด้วยพลังของ Waves MaxxAudio Pro ที่ให้เสียงสูงที่ใสยิ่งขึ้น เพิ่มศักยภาพด้านเบส และให้เสียงที่ดังขึ้น เพื่อประสบการณ์ด้านออดิโอในระดับเดียวกับการชมภาพยนตร์
-CinemaSound ด้วยพลังจาก Killer และ SmartByte ซึ่งเป็นโซลูชันด้านซอฟต์แวร์ ที่ร่วมพัฒนาโดยเดลล์ และ Rivet Networks ที่ให้ประโยชน์เรื่องการทำออนไลน์ สตรีมมิ่ง และอินเตอร์แอกทีฟ วิดีโอ ส่งผลให้บัฟเฟอร์น้อยลง ให้แบนด์วิดธ์มากขึ้น และความละเอียดภาพที่ดีขึ้น
เดลล์ เปิดตัว Alienware Software Command Center ใหม่ พร้อมศูนย์ฝึกอบรมด้าน eSports
เดลล์ ได้มีการออกแบบซอฟต์แวร์ใหม่ทั้งหมด พร้อมเปิดตัว Alienware Software Command Center ที่รวมการตั้งค่าระบบ (system setting) คอนเท้นท์ และฟังก์ชั่นอื่นๆ ไว้ในอินเตอร์เฟสที่อลังการแต่เรียบง่าย Alienware Command Center ช่วยให้เกมเมอร์มือใหม่ได้รับประสบการณ์ในการปรับแต่งพีซีและอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะในการเล่นเกม ปัจจุบันเกมเมอร์สามารถเข้าถึง game library จากแหล่งต่างๆ บนพีซี ช่วยให้สร้างโปรไฟล์เฉพาะสำหรับแต่ละเกมได้อย่างง่ายดาย และได้รับประสิทธิภาพอย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้นจากระบบบริหารจัดการพลังงานและเครื่องมือการปรับตั้งค่า Overclock
พร้อมๆ กันนี้ ก็ได้เจาะตลาดด้วย AlienFX 2.0 ระบบให้ความสว่างในเกม ซึ่งเป็นระบบเฉพาะของ Alienware ในรุ่นที่ 2 ที่ทำงานร่วมกับ Alienware PCs เมาส์ และคีย์บอร์ดต่างๆ โดย Alienware Command Center จะช่วยให้สามารถปรับแต่งทั้ง individual keys และ key groups ได้มากกว่า 16.8 ล้านสีในแต่ละโซนที่ให้ความสว่าง(lighting zone)
เดลล์ และ Alienware ได้ลงทุนในอุตสาหกรรม eSports มาเป็นเวลานาน ด้วยการสนับสนุนซีรีย์การแข่งขันเกมChampionship Gaming Series ครั้งแรกในปี 2007 โดยทำงานร่วมกับ Team Liquid, Team Dignitas และELEAGUE รวมถึงล่าสุดนี้ ได้ทำงานร่วมกับ Tobii เพื่อนำเทคโนโลยี Eye-tracking มาใช้ในทัวร์นาเมนท์eSports เพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่ประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ชมการแข่งขัน ซึ่งปัจจุบัน Alienware เป็นทางเลือกฮาร์ดแวร์สำหรับ Team Liquid ที่วางใจใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงของ Alienware (เมาส์ คียบอร์ด จอมอนิเตอร์) สำหรับการฝึกอบรม รวมถึงในการแข่งขัน ปัจจุบัน เดลล์ ได้ประกาศเปิดตัวศูนย์อำนวยความสะดวกด้านการฝึกอบรมAlienware eSport Training Facility แห่งใหม่ สำหรับ Team Liquid ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่องสถานที่อำนวยความสะดวกในการฝึกอบรมเฉพาะสำหรับ eSports โดยสถานที่อำนวยความสะดวกแห่งใหม่ในลอสแองเจลิส มีพื้นที่กว้างถึง 8,000 ตารางฟุต เพื่อใช้เป็นกองบัญชาการสำหรับ Team Liquid ให้การสนับสนุนทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันที่หลากหลาย พร้อมด้วยเชฟ นักจิตวิทยาการกีฬา นักโภชนาการ รวมถึงโค้ช และนักวิเคราะห์ และพื้นที่ในการฝึกอบรม ทุกสิ่งล้วนขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอันทรงพลังมากที่สุดจาก เดลล์ และ Alienware ทั้งนี้ นักกีฬา จะเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อการแข่งขัน ในขณะที่ทีมออกแบบ ทีมงานวิดีโอ และทีมงานด้านการฝึกสอน จะใช้จอมอนิเตอร์ จอดิสเพลย์แบบสัมผัส (touch screen displays) และ ฯลฯ ในการแบ่งแยกการดำเนินงาน และสร้างคอนเท้นท์สำหรับบรรรดาแฟนที่เป็นคอเกม
เดลล์ ทำให้ VR กลายเป็นความจริง
Alienware ประสานความร่วมมือกับ NVIDA และ Oculus เพื่อสร้างการแข่งขันประเภทใหม่ของ VR (virtual reality) eSports ที่ผสมผสานการแข่งขันเกมมิ่งทั้งทางกายภาพและทางสมอง พร้อมเปิดกว้างสู่สาธารณะ ระหว่างช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมกว่า 200 รายจาก 14 เมือง ที่เข้าร่วมแข่งขันในระบบ Alienware เพื่อทำเวลาเร็วที่สุดในเกม VR ล่าสุดของ Survios คือ “Sprint Vector” การแข่งขันรอบสุดท้ายจะจัดขึ้นที่ ลาสเวกัส โดยผู้เล่นที่ได้คะแนะสูงสุด 8 ราย จะมาแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่ง Alienware VR Cup National Champion พร้อมเงินรางวัล10,000 เหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ เดลล์ ยังได้ประกาศเปิดตัว VR-ready Dell Inspiron Gaming Desktop ในราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 799เหรียญสหรัฐ เพื่อลดค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในส่วน VR ทั้งนี้ Inspiron Gaming Desktop ใหม่นี้มีการออกแบบทางวิศวกรรมมาสำหรับ พีซี เกมเมอร์ โดยเฉพาะ ด้วยโปรเซสเซอร์ 8th Gen Intel Core ที่มากถึง 6 คอร์ และกราฟฟิก ให้ทางเลือก solid-state drive เพื่อการบูทที่เร็วยิ่งขึ้น และ thermal design ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดเพื่อให้แข่งขันในเกมได้ยาวนานยิ่งขึ้น
เพื่อให้ง่ายต่อการเป็น one stop shopping เดลล์ จึงเป็นผู้นำเสนอพีซีรายแรกที่ขาย HTC Vive VR headsets ในเวอร์ชั่นสำหรับผู้บริโภค นอกจากการเสนอ HTC Vive Business Edition แล้ว เดลล์ ยังได้ยืนยันข้อตกลงกับMeta ในการนำเสนอ headset สำหรับการเล่น AR ได้อย่างดื่มด่ำสมจริง ซึ่งความเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะสร้างความพึงพอใจให้ผู้ที่พัฒนาโซลูชันใหม่โดยใช้เทคโนโลยี VR และ AR ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ blog
จอมอนิเตอร์ใหม่ และการยกระดับประสิทธิภาพสู่ความเหนือชั้น ในสายผลิตภัณฑ์ Latitude ของเดลล์
เดลล์ ยังคงก้าวนำอุตสาหกรรมในเรื่องของจอดิสเพลย์ ด้วยการเพิ่มจอมอนิเตอร์ที่มีความบางเป็นพิเศษ และให้ความสว่างมากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ระดับเดียวกัน ได้แก่ Dell 27 Ultrathin Monitor (S2719DM)และ Dell 24 Ultrathin Monitor (S2419HM) ซึ่งให้ภาพที่สว่างโชติช่วงเสมือนมีชีวิตจริง ให้สีที่เจิดจรัส และมอนิเตอร์ทั้ง 2 ตัวยังรองรับการรับชมเนื้อหาในระบบ HDR เพื่อประสบการณ์ด้าน CinemaColor สร้างความชัดลึกของสีที่สวยงาม ให้ความคมชัดของภาพและ contrast ในจอดิสเพลย์ InfinityEdge ที่ไร้ขอบอย่างแท้จริง เพื่อภาพที่ชัดคมสมจริงอย่างน่าประทับใจ ด้วยตัวเครื่องที่บางเพียง 5.5 มิลลิเมตร ซึ่งบางที่สุด โดยจอมอนิเตอร์ทั้ง 2 ตัวนั้นให้ความสว่างสูงสุดถึง 600 nits
สายผลิตภัณฑ์ Latitude ของเดลล์ ออกแบบมาเพื่อคนทำงานโมบาย (mobile workforce) โดยเฉพาะ โดยเป็นคอมเมอร์เชียลโน๊ตบุ๊คที่ให้ความสามารถด้านการจัดการและให้ความปลอดภัย พร้อมกับการรีเฟรชรุ่นที่เป็น 2-in-1s ด้วยโปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุด 15W dual-core และ quad-core 8th Gen Intel® Core™ vPro™ ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งจากการทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพ แสดงให้เห็นว่ามีการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างน่าทึ่ง เหนือชั้นกว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้โปรเซสเซอร์รุ่นก่อนหน้านี้ ด้วยจำนวนคอร์ และthreads ที่เพิ่มขึ้น ทำให้สังเกตได้ชัดถึงความแตกต่างที่ดียิ่งขึ้นในการทำงานบนเครือข่ายองค์กร ทั้งในเวลาที่ฝ่ายไอทีดำเนินการเรื่องการเข้ารหัส การสแกนมัลแวร์ และแอปฯ พื้นฐานอื่นๆ เพื่อรักษาความปลอดภัยและเชื่อมต่อกับพนักงาน ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ Latitude ยังได้รับการอัพเดตนวัตกรรมใหม่ที่น่าตื่นเต้นที่ซ่อนอยู่ภายใน ตัวอย่างเช่น โน๊ตบุ๊ค Latitude 7490 มีเสาอากาศ Active Steering Antenna ที่ให้คุณภาพที่ดีขึ้นเรื่องสัญญาณ WiFi ให้ความเร็วยิ่งขึ้น และให้ความน่าเชื่อถือมากขึ้นในเรื่องการเชื่อมต่อ และยังมีจอดิสเพลย์ใหม่แบบ Full HD ที่กินไฟน้อยมาก(Super low power display) ช่วยลดการใช้พลังงานได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ใช้แบตเตอรีได้ยาวนานขึ้นหลายชั่วโมง โดยดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมเหล่านี้ และ Latitude รุ่นใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับธุรกิจได้ที่ blog
เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับมืออาชีพที่ต้องเดินทางไปมา และผู้ที่สนใจเรื่องมีเดีย เดลล์ ได้แนะนำอุปกรณ์สตอเรจในขนาดกระทัดรัดมากที่สุดในโลก คือ Thunderbolt™ 3 และเป็นหนึ่งใน portable drives ที่เร็วที่สุดเท่าที่มีอยู่ คือ Dell Portable Thunderbolt SSD 1000 (1TB) และ SSD 500 (500GB)
การวางจำหน่าย
พร้อมจำหน่ายทั่วโลกแล้วในตอนนี้ ได้แก่
-Dell XPS 13 วางจำหน่ายที่ Dell.com, Microsoft.com และร้านค้าของ Microsoft ในประเทศ ในราคาเริ่มต้น 999 เหรียญสหรัฐ สำหรับโปรเซสเซอร์ 8th Gen Intel Core i5
-โน๊ตบุ๊ค Dell Latitude 7490 วางจำหน่ายที่ Dell.com ในราคาเริ่มต้นที่ 1,049 เหรียญสหรัฐ
-โน๊ตบุ๊ค Dell Latitude 5490 วางจำหน่ายที่ Dell.com ในราคาเริ่มต้นที่ 779 เหรียญสหรัฐ
-Dell Latitude 7390 2-in-1 วางจำหน่ายที่ Dell.com ในราคาเริ่มต้นที่ 1,149 เหรียญสหรัฐ
-Dell Latitude 5290 2-in-1 วางจำหน่ายที่ Dell.com ในราคาเริ่มต้นที่ 899 เหรียญสหรัฐ
และที่จะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้
-Dell Mobile Connect จะพร้อมสำหรับดาวน์โหลดได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม และมาพร้อมการติดตั้งระบบสำหรับเดลล์ คอนซูเมอร์ ทั้งหมดในวันที่ 27 มกราคม
-Dell 27 Ultrathin Monitor (S2719DM) จะพร้อมจำหน่ายทั่วโลกวันที่ 30 มกราคม ที่ Dell.com ในราคาเริ่มต้นที่ 499.99 เหรียญสหรัฐ
-Dell 24 Ultrathin Monitor (S2419HM) จะพร้อมจำหน่ายทั่วโลกวันที่ 30 มกราคม ที่ Dell.com ในราคาเริ่มต้นที่ 299.99 เหรียญสหรัฐ
-Dell Portable Thunderbolt 3 SSD ความจุ 500GB (439 เหรียญสหรัฐ) และ 1TB (799 เหรียญสหรัฐ)จะพร้อมจำหน่ายทั่วโลกวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ Dell.com
-Dell XPS 15 2-in-1 จะพร้อมจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกา ที่ Dell.com ในเดือนเมษายน ในราคาเริ่มต้นที่1,299.99 เหรียญสหรัฐ
-Alienware Command Center จะพร้อมจำหน่ายโดยเริ่มที่ Area 51 ใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์
นอกจากนี้ เดลล์ ยังได้ยกระดับมาตรฐานด้านบริการสนับสนุน ด้วยการแนะนำบริการสนับสนุนสำหรับคอนซูเมอร์ในระดับ top-tier Premium Support Plus ด้วยขุมพลังเทคโนโลยีเฉพาะของเดลล์คือ SupportAssist[1] ซึ่งเป็นบริการแรกและบริการเดียวสำหรับคอนซูเมอร์ เพื่อหาปัญหาในเชิงรุก ด้วยการคาดการณ์ถึงปัญหาก่อนที่จะเกิด และกำจัดไวรัสได้แบบอัตโนมัติ พร้อมให้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่สำหรับเครื่องพีซี สำหรับคอนซูเมอร์ ทั้งนี้บริการPremium Support Plus พร้อมสำหรับ Dell XPS, Inspiron และ ระบบ Alienware
ข่าวเด่น